ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เผยแผนความเคลื่อนไหวจากการประชุมนโยบายครั้งหลังสุด โดยจะเริ่มต้นขยับอัตราดอกเบี้ยและหาทางปลดเปลื้องพันธบัตรมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ที่อยู่บนงบดุล ตามผลรายงานการประชุมที่เผยแพร่ออกมาเมื่อคืนที่ผ่านมา
มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนแสดงออกถึงความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินโดยกล่าวว่า นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเต็มที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงมหาศาล และชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
คณะกรรมการนโยบายการเงินของทางสถาบัน (FOMC) ได้ทำการตัดสินใจหลังผ่านพ้นการประชุมในช่วง 2 วันที่จะยังไม่ขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้น แต่มีการกล่าวย้ำอย่างหนักแน่นว่า จะมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นได้เร็วสุดภายในเดือนมี.ค.นี้
แม้ผลรายงานที่ออกมาดูจะมีท่าทีไปในทางสายเหยี่ยว แต่ตลาดหุ้นกลับปรับตัวลดลงหลังการเผยแพร่รายงานดังกล่าว ซึ่งทางนักเศรษฐศาสตร์ของ State Street Global Advisors ให้ความเห็นว่า ตลาดตีความสิ่งที่ออกมาว่าโน้มไปทางสายพิราบเมื่อเทียบกับความคาดหวัง
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดต่างหวั่นวิตกกับภาวะเงินเฟ้อและมุมมองในสายเหยี่ยวของคณะกรรมการบางคน โดยเฉพาะ เจมส์ บูลลาร์ด ประธาน Fed สาขาเซนต์หลุยส์ จนทำให้นักลงทุนพากันเทน้ำหนักไปยังการปรับดอกเบี้ยที่ 0.25% ถึง 7 ครั้งภายในปีนี้
อย่างไรก็ตามการคาดคะเนของตลาดก็เริ่มลดดีกรีลงบางส่วนหลังการเผยแพร่ผลการประชุม โดยมุมมองล่าสุดของโอกาสที่ Fed จะปรับดอกเบี้ยขึ้นไปจนถึง 1.75% ตอนสิ้นปีนี้ขยับลงมาอยู่ที่ 50-50
นอกเหนือการพูดคุยเกี่ยวกับการปรับดอกเบี้ย ทาง FOMC ยังกำหนดวิธีการปฏิบัติในการเริ่มลดระดับของงบดุลที่ระดับเกือบ $9 ล้านล้านในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพันธบัตรรัฐบาลที่ถูกซื้อเข้ามาด้วยความพยายามลดอัตราดอกเบี้ยและกระตุ้นอัตราการเติบโต
เดือนมี.ค.ยังเป็นจุดหมายปลายทางของโครงการซื้อสินทรัพย์ ที่แม้คณะกรรมการบางคนอาจจะเคยคาดหวังถึงข้อสรุปที่เร็วขึ้น แต่ทาง Fed ก็กำหนดแนวทางในขั้นตอนที่ 4 ด้วยการซื้อพันธบัตรเป็นจำนวน $2 หมื่นล้านและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยอีกราว $3 หมื่นล้านไปจนถึงเดือนหน้า
บรรดา FOMC ยังร่วมหารือถึงวิธีการลดระดับงบดุล ซึ่งแนวทางส่วนใหญ่จะมองไปถึงการปล่อยตราสารหนี้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนออกไปแทนวิธีการลงทุนซ้ำ แม้จะมีเจ้าหน้าที่บางคนกล่าวถึงความจำเป็นที่อาจจะต้องขายตราสารหนี้จำนองออกไปในทันที
นับตั้งแต่การประชุมนโยบายครั้งหลังสุด ข้อมูลของอัตราเงินเฟ้อก็แสดงถึงระดับราคาที่พุ่งขึ้นเร็วสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งจากเป้าหมายเฉลี่ย 2% ที่วางเอาไว้ก็ทำให้ Fed กล่าวยอมรับว่าจำเป็นจะต้องปรับนโยบายให้ตึงตัวขึ้นพึ่งฉุดดึงราคาให้ขยับลง
ในรายงานยังกล่าวถึงเรื่องที่ FOMC ต่างตระหนักดีว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเริ่มไปไกลเกินกว่าขอบเขตของภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID-19 และกำลังแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างจนกลายเป็นภาระที่หนักอึ้งของชาวอเมริกันเป็นจำนวนมาก
พวกเขายังได้ร่วมหารือเกี่ยวกับเรื่องเสถียรภาพทางการเงิน โดยทางคณะกรรมการได้กล่าวถึงความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้นจากราคาของสินทรัพย์ที่สูงขึ้น รวมไปถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของคริปโทเคอร์เรนซี
References :
https://www.cnbc.com/2022/02/16/federal-reserve-releases-minutes-from-its-january-meeting.html
