ในสภาวะเศรษฐกิจขับเคลื่อนไปด้วยเงินตรา ปฎิเสธไม่ได้ว่าทองคำเป็นสิ่งมีค่าในเวลานี้ด้วยแนวโน้มราคาทองโลกผันผวนมีอัตราสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราคาทองหลักร้อยจนถึงหลักหมื่น ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ว่าราคาทองคำจะทำราคาสูงสุดที่ใด (All Time High) แล้วเหตุใดที่ทำให้ราคาทองผันผวนสูงขึ้นเช่นนั้นและยังเป็นสินทรัพย์น่าจับตามองแห่งอนาคตที่นักลงทุนควรลงทุน ณ ขณะนี้กับเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองที่ผ่านมา ตามมาดูกันเลย
ราคาทองสู่สินทรัพย์สากลทั่วโลก
ทองคำ เป็นแร่โลหะชนิดหนึ่งที่รู้จักกันมานาน โดยในอดีตมักถูกใช้เป็นตัวบ่งบอกสถานะทางสังคม แสดงถึงความมั่งคั่งร่ำรวยในชนชั้นสูง ต่อมาถูกนำมาใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนสินค้าเมื่อทั่วโลกมีการค้าขายระหว่างประเทศมากขึ้น รวมถึงเป็นทุนสำรองของประเทศนั้นๆ ในระบบมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) โดยในช่วงปี 2419 ได้กำหนดค่าเงินของประเทศแต่ละประเทศต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งทรอยออนซ์ หรือที่เรียกว่า ค่าเสมอภาค
โดยประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศค่าเสมอภาคอยู่ที่ 20.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ในขณะประเทศอังกฤษ ประกาศอยู่ที่ 4.2474 ปอนด์สเตอร์ลิงต่อทรอยออนซ์ แต่อย่างไรก็ตาม นับจากที่ประเทศสหรัฐอเมริการได้ออกจากระบบ Bretton Woods ทำให้ทองไม่ได้ถูกตรึงมูลค่าไว้ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์อีกต่อไป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทองคำมีการซื้อขายเหมือนกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ
เมื่อการวิวัฒนาการของโลกผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทองคำได้ถูกนำไปซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอย่างแพร่หลาย บางครั้งถึงขั้นนำมาเก็งกำไร ส่งผลให้ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง แต่ถึงกระนั้น เมื่อเกิดภาวะสงครามโลกและเกิดความไม่สงบในประเทศต่างๆ รวมถึงความเชื่อมั่นในพันธบัตรลดลง ทองคำถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ซึ่งหากย้อนไปเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาทอง มีการเคลื่อนไหวน่าจับตามองดังนี้
เหตุการณ์สำคัญส่งผลต่อราคาทองคำ
สงครามหมู่เกาะฟอล์กแลนด์
ความขัดแย้งสำคัญนี้เกิด ณ วันที่ 2 เมษายน ปี พ.ศ. 2525 เมื่ออาร์เจนติน่าได้บุกยึดหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ ในปีเดียวกันประเทศอังกฤษได้ส่งกองทัพมายึดพื้นที่ ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 74 วัน โดยประเทศอังกฤษได้ชนะสงครามและยึดพื้นที่สำเร็จในที่สุด สำหรับราคาทองช่วงสัปดาห์แรกเพิ่มขึ้นจาก 327 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขึ้นไปที่ 352 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ภานในเวลา 1 เดือน คิดเป็นอัตราสูงขึ้นถึง 10.5%
สงครามอ่าวเปอร์เซีย
หลังจากผ่านพ้นสงครามระหว่างอิรัก – อิหร่านในปี พ.ศ. 2531 อิรักประสบปัญหาการล้มละลาย เนื่องจากใช้จ่ายด้านสงครามมากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้กู้ยืมมาจากซาอุดิอาระเบียและคูเวต โดยอิรักพยายามกดให้ทั้งสองประเทศยกหนี้ให้แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งผ่านไป ความตึงเครียดระหว่างอิรักและคูเวตได้ทวีแรงขึ้นเรื่อยๆ จากการที่อิรักได้กล่าวหาคูเวตในเรื่องการขโมยน้ำมัน และเรียกร้องให้คูเวตชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ทั้งสองประเทศนี้ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากการรุกรานของคูเวตทำให้ราคาทองขยับขึ้นจาก 371 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขึ้นไปที่ 385 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 8 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2533) ซึ่งเพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 3.8% ภายใน 1 สัปดาห์ และ 4.6% ภายในเวลา 1 เดือน
เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน
ในตอนเช้าของวันที่ 11 กันยายน ปี พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่วโลก โดยผู้ก่อการร้ายจำนวน 19 คน ได้ปล้นจี้เครื่องบินไปจำนวน 4 ลำ โดยมีเป้าหมายพุ่งชนสถานที่สำคัญของประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อก่อจราจล ซึ่ง 2 ลำ นำไปพุ่งเข้าชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และอีก 1 ลำ นำไปพุ่งชนกับตึกเพนตากอน ส่วนลำสุดท้ายได้ไปตกอยู่ที่รัฐเพนซิลเวเนียก่อนถึงตึกอาคารรัฐสภาหรือไม่ก็ทำเนียบขาว จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ในเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ราคาทองปรับเพิ่มขึ้น 271.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขึ้นไปที่ 288.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ราว 6.5% ขณะที่ 1 เดือนแรก ทองคำให้ผลตอบแทนที่ระดับ 4.9%
สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส
จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ล่าสุดในปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2566 กลุ่มฮามาสได้โจมอิสราเอลอย่างฉับพลัน ขณะที่อิสราเอลได้ตอบโต้กลับ ซึ่งใช้เวลายาวจนถึงปัจจุบัน คาดว่าน่าจะมีความยืดเยื้ออย่างต่อเนื่อง หากนับดูราคาทองจากเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่าราคามีการปรับตัวขึ้นจากบริเวณ 1,832 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 6 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2566 อยู่ที่ระดับ 1,932 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 13 ตุลาคม ปี พ.ศ. 2566) คิดเป็น 5.5% ภายในเวลา 1 สัปดาห์
การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
ธนาคารกลางของสหรัฐ (FED) ได้ประกาศการลดอัตราดอกเบี้ยปี 2024 เพื่อลดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนในช่วง 5.25% ถึง 5.50% และการลดดอกเบี้ยจะไม่เหมาะสมจนกว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังเปลี่ยนแปลงเป้าหมายให้ได้ 2% ของธนาคารกลาง เนื่องจากเกิดสภาวะเงินเฟ้อ ทำให้เงินตราและธนบัตรที่ถืออยู่มีมูลค่าลดลง ส่งผลให้ราคาทองเพิ่มขึ้นจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 2,299.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 4 เมษายน ปี พ.ศ. 2567) ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะราคาสูงสุดได้เท่าใด
จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกข้างต้น จะเห็นได้ว่าราคาทองคำยังคงรักษามูลค่าไว้และยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยได้อย่างดีเมื่อเกิดสถานการณ์การต่างๆ ขณะเดียวกันสภาวะปกติ ราคาทองคำวันนี้ยังคงมีการเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงอยู่เสมอ ถือเป็นสินทรัพย์กระจายความเสี่ยงในพอร์ตได้ดีในระยะยาว
