ราคาทองคำปรับตัวขึ้น หลังเงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง ทองคำขึ้นต่อไหม?หลังจากนี้

ราคาทองคำปรับตัวขึ้น เงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง ทองคำขึ้นต่อไหม?หลังจากนี้ ใจเย็นๆครับพี่น้อง มาดูกันว่าจะมีปัจจัยอะไรที่จะมาหนุนทองคำให้ไปต่อได้บ้าง

ราคาทองคำปรับตัวขึ้น ได้รับแรงหนุนการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในฝั่งผู้บริโภคของสหรัฐ  เป็นรายงานอัตราเงินเฟ้อต่อปีของประเทศในเดือนก.ค.ที่อยู่ในระดับ 5.4% และมีอัตราที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้านั้นด้วยระดับ 0.5% สะท้อนให้เห็นว่า เงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งช่วย “ลดการคาดการณ์” ของนักลงทุนที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สถานการณ์ดังกล่าวกดดันดัชนีดอลลาร์ให้อ่อนค่า พร้อมกับกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปีให้ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่ 1.372% สู่ระดับต่ําสุดที่ 1.308% ประกอบกับดีมานด์ในการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง จึงเป็นปัจจัยกดดันบอนด์ยีลด์เพิ่ม ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ราคาทองคําพุ่งขึ้นจากระดับต่ําสุดในระหว่างวันที่ $1,724  สู่ระดับสูงสุด $1,754  (สรุปง่ายๆคือ เมื่อคืน CPI ไม่สูงขึ้น ดอลลาร์อ่อนค่า หนุนทองคำทยานขึ้น)

อย่างไรก็ดี ยังต้องระวังแรงขายทํากําไรที่อาจสลับออกมาเนื่องจากยังมีความเห็นในเชิง Hawkish จากเจ้าหน้าที่เฟดออกมาเป็นระยะ ล่าสุดวานนี้นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดดัลลัส กล่าวว่า เฟดควรทําการ “ประกาศอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงิน QE ในเดือนหน้า และเริ่มทําการปรับลด QE ในเดือนต.ค. ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสกัดช่วงบวกราคาทองคําไว้

เมื่อเหล่านักวิเคราะห์มองว่าการดิ่งลงของราคาทองคำจะไม่หยุดอยู่แค่นี้

ราคาทองคำฟื้นตัวกลับขึ้นมาระดับหนึ่งหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์หลายคนยังคงมีมุมมองในด้านลบว่า แนวโน้มของโลหะมีค่ายังอาจมีมูลค่าที่ดิ่งลงไปกว่านี้ได้อีก

จากเมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างฮวบฮาบจนกลายเป็นสถิติต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ระดับ $1,677.9 ก่อนจะไต่กลับขึ้นมาจนอยู่แถว $1,750 ตั้งแต่ช่วงต้นวันนี้ แต่ก็ยังคงห่างไกลจากจุดสูงสุดของปีที่ระดับประมาณ $1,900

นักวิเคราะห์อธิบายถึงสาเหตุที่ราคาดิ่งลงว่ามาจากข้อมูลของตลาดแรงงานในสหรัฐฯที่ดีกว่าที่คาดหมาย จนทำเกิดการแห่ซื้อเงินดอลลาร์จนส่งผลกระทบต่อราคาทองคำที่มักจะมีความสัมพันธ์ที่ผกผันกันกับสถานะของเงินดอลลาร์

วิเวก ดาร นักเศรษฐศาสตร์ของ Commonwealth Bank ได้กล่าวไว้ว่า การเทขายทองคำในวันจันทร์มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นจากการกว้านซื้อเงินดอลลาร์และขายทองคำออกไปในการตอบสนองกับผลรายงาน NonFarm Payrolls ของสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

แม้ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาราคาทองคำจะสามารถฟื้นตัวกลับคืนมาได้ในระดับหนึ่ง แต่ ดาร ก็ให้ความเห็นว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะหลงเหลือสถานะตลาดกระทิงสำหรับโลหะมีค่า เมื่อพิจารณาถึงมุมมองที่พร้อมจะปรับนโยบายการเงินให้รัดกุมยิ่งขึ้นของสหรัฐฯ

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ถูกคาดหมายกำลังนับถอยหลังให้กับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินและเตรียมจะชะลอโครงการสนับสนุนต่าง ๆ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังอยู่ที่ระดับใกล้ศูนย์แต่ทางสถาบันก็ส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะขยับตัวในเร็ว ๆ นี้

โดมินิก ชไนเดอร์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ UBS Global Wealth Management มองว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะติดลบน้อยลงซึ่งจะยิ่งผลักดันราคาทองคำลงไปอีก และยังคาดหมายว่าจะมีเงินทุนไหลออกจากกองทุน Gold-ETF และตลาดฟิวเจอร์ส

เมื่ออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงขยับขึ้นและราคาทองคำลดลง ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวต้นทุนค่าเสียโอกาสของการครอบครองทองคำจะสูงขึ้น จากการที่นักลงทุนจะเริ่มหันเหความสนใจไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า

ชไนเดอร์ ยังกล่าวต่อไปว่า คงไม่รู้สึกประหลาดใจหากจะเห็นการไหลออกของทองคำจากกองทุน ETF และตลาดฟิวเจอร์สที่ปริมาณซัก 20 ล้านออนซ์ในอีกซักระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งหมายถึงแนวโน้มของขาลงที่ชัดเจนขึ้น

ดาร ทำนายว่า ด้วยการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และการทยอยไต่ระดับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10 ปี จะทำให้ราคาทองคำลงเหลือ $1,700 ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า ในขณะที่ ชไนเดอร์ มองว่ามันอาจลดลงไปถึง $1,600 หรือต่ำกว่านั้น

ความเห็นดังกล่าวยังสอดคล้องกับสถาบันการเงินชื่อดังอย่าง Credit Suisse ที่มองว่าราคาทองคำยังมีโอกาสขยับลงมาทดสอบโซนราคาแถว $1682/71 และยังอาจดิ่งลงมาถึงบริเวณแนวรับที่ $1620/15 ก่อนจะไปถึง $1565/60

แต่ทางด้าน Commerzbank ก็ได้กล่าวไว้ว่า แม้การดิ่งลงของราคาทองคำในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจะทำลายกรอบแนวโน้มขาขึ้นระหว่างปี 2019-21 แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะทำให้มันกลับทิศทางไปสู่ตลาดหมี โดยมองถึงการปรับฐานและฟื้นตัวในอนาคตอันใกล้

สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI ) และจํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ

References :
https://th.investing.com/analysis/