ปธน. วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียได้แจ้งต่อผู้นำของฝรั่งเศสและเยอรมนีเมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ว่า เขาตัดสินใจยอมรับสถานะของสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ (LPR) และสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ (DPR) ที่อยู่ทางตะวันออกของยูเครนว่าเป็นรัฐอิสระ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกมองว่าจะขยายผลต่อวิกฤตในยุโรปตะวันออกเป็นวงกว้าง ซึ่งสหรัฐฯ ระบุว่ารัสเซียอาจพร้อมที่จะบุกยูเครนด้วยกำลังทหารที่มากถึง 190,000 นาย ที่ผ่านการสะสมกองกำลังมาโดยตลอดใกล้กับเขตพรมแดนของประเทศเพื่อนบ้าน
2 รัฐอิสระในภูมิภาคดอนบาสที่ได้รับการหนุนหลังโดยรัสเซียได้แบ่งแยกตนเองออกจากการควบคุมของรัฐบาลยูเครนในปี 2014 และตั้งตนเองว่าเป็นสาธารณรัฐประชาชน แต่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากฝ่ายใดจนกระทั่งปัจจุบัน
นับตั้งแต่นั้นจากการเปิดเผยของยูเครนระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากการต่อสู้ประมาณ 15,000 ราย ในขณะที่รัสเซียปฏิเสธการมีส่วนร่วมกับความขัดแย้งดังกล่าว แต่ก็คอยให้การหนุนหลังกลุ่มแบกแยกดินแดนในหลาย ๆ ทาง เช่น การสนับสนุนกำลังทหารและการจัดหาวัคซีน
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่รัสเซียกล่าวว่าดอนบาสไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของยูเครน ซึ่งจะเป็นการเปิดทางให้พวกเขาส่งกำลังทหารเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว โดยใช้ข้อโต้แย้งถึงการใช้กำลังเข้าแทรกแซงในฐานะพันธมิตรเพื่อปกป้องรัฐอิสระจากยูเครน
ในขณะที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนก็มองรัสเซียว่ากำลังช่วยเหลือพวกเขาเข้ายึดครองส่วนต่างๆ ของภูมิภาคโดเนตสก์และลูฮันสก์ที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังยูเครน ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งทางทหารแบบเปิดกว้างระหว่างรัสเซียและยูเครน
การยอมรับของรัสเซียได้ทำลายข้อตกลงสันติภาพมินสค์ระหว่างปี 2014-15 ลงอย่างสิ้นเชิง โดยในมุมของรัฐบาลมอสโกมองว่าเป็นโอกาสดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหา จากที่ข้อตกลงดังกล่าวเรียกร้องความเป็นอิสระในระดับสูงสำหรับ 2 ภูมิภาคในยูเครน
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านกลุ่มพันธมิตรชาติตะวันตกต่างทยอยกันออกมากล่าวเตือนรัสเซียว่า ความเคลื่อนไหวทางการทหารใด ๆ ทั่วทั้งภูมิภาคยูเครนจะส่งผลต่อการตอบโต้ที่รุนแรง ซึ่งรวมถึงการใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินอย่างเข้มงวด
แอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯได้เคยกล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า การยอมรับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนจะกลายการเป็นบ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเรียกร้องให้รัสเซียแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการหาทางออกด้วยวิธีการสันติ
จากอดีตที่ผ่านมารัสเซียเคยให้การยอมรับสถานะของรัฐอิสระอย่างอับฮาเซียและเซาท์ออสซีเชีย 2 ดินแดนปกครองตนเองในจอร์เจีย โดยให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ, ขยายการให้สัญชาติรัสเซียแก่คนในพื้นที่ และส่งกำลังพลไปประจำการที่นั่น
ในกรณีของจอร์เจีย รัสเซียใช้การยอมรับ 2 พื้นที่กบฏเพื่อใช้เป็นฐานที่มั่นของกองทัพอย่างเปิดเผยในดินแดนของอดีตสหภาพโซเวียต ด้วยความพยายามที่จะขัดขวางจอร์เจียในการเข้ากลุ่มเป็นสมาชิกของ NATO ซึ่งดูจะเป็นแนวทางแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในยูเครนขณะนี้
แต่ในอีกด้านหนึ่ง รัสเซียจะต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรและการประณามจากนานาชาติในการละทิ้งข้อตกลงสันติภาพมินสค์ และยังต้องแบกรับภาระดูแล 2 ดินแดนที่ถูกทำลายโดยสงครามมาอย่างยาวนาน 8 ปี และต้องการการสนับสนุนทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
References :