นโยบาย COVID-19 เป็นศูนย์และสถานการณ์ในภาพรวมของเศรษฐกิจจีนอาจกำลังส่งผลกระทบต่อสกุลเงินต่าง ๆ ที่ได้รับผลประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ตามบทวิเคราะห์ของสถาบันการเงิน BMO Capital Markets
จนถึงช่วงเปิดตลาดยุโรปของวันศุกร์ที่ผ่านมา ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) และดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD) มีมูลค่าลดลง 0.9% และ 1.45% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) นับตั้งแต่ออกสตาร์ทปี 2022 ในขณะที่ดอลลาร์แคนาดา (CAD) ก็มีอัตราลดลง 0.9%
หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของ BMO กล่าวว่า จากคาดหวังถึงการขยับตัวขึ้นของ NZD ที่จะเคียงข้างไปกับราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น และแนวโน้มขาขึ้นของ AUD ตามทิศทางของราคาโลหะพื้นฐาน แต่ทั้ง 2 สกุลเงินกลับอ่อนค่าลงแม้เมื่อเทียบกับยูโร (EUR) และเยน (JPY)
จนถึงขณะนี้ธนาคารกลางของทั้ง 2 ประเทศยังมีนโยบายการเงินที่แข็งกร้าวน้อยกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แต่นั่นก็เป็นคำอธิบายเพียงบางส่วนสำหรับความแตกต่างระหว่างราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์
หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ภาคพื้นยุโรปของ BOM ได้กล่าวไว้ว่า ปรากฏการณ์ระลอกคลื่นจากจีนยังอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของสกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มของประเทศพัฒนาแล้ว
โดยข้อมูลของการค้าระหว่างประเทศที่นอกเหนือจากจีนได้แสดงถึงหลักฐานของอัตราการเติบโตก่อนปรับค่าเงินที่ชะลอตัวลงของการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภท ในขณะที่อัตราการเติบโตของการนำเข้ายังห่างชั้นจากอัตราการเติบโตของการส่งออกขึ้นไปอีก
หากมองในช่วงระยะกลางแผนยุทธศาสตร์ของจีนในปี 2025 ที่วางเป้าหมายลดการพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างชาติ และเน้นหนักการลงทุนนวัตกรรมภายในประเทศ อาจเปลี่ยนแปลงแนวทางที่อุปสงค์ของจีนมีอิทธิพลต่อสกุลเงินทั่วโลกอย่างถาวร
นอกจากนี้การกำหนดราคาดุลยภาพในสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมากจะสูงขึ้นแบบกึ่งถาวร ผ่านการเปลี่ยนแปลงของความต้องการจากการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคสีเขียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มโลหะพื้นฐานต่าง ๆ
ในแง่ของการซื้อขายปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญจาก BMO แนะนำให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อคู่เงิน AUD-JPY ด้วยความคาดหวังถึงสถานะสำหรับการกลับตัวขึ้นไปยังระดับ 86 หรือเกินกว่านั้นภายในช่วงกลางปีนี้
เขาแนะนำต่อไปถึงเงินยูโรที่จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ CAD โดยชี้ไปถึง 3 ปัจจัยหลักที่มาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งยังได้รับผลกระทบจากการดีดตัวขึ้นของราคาแก๊สธรรมชาติ ถัดมาก็คือการขาดดุลการค้าของเขตยูโรโซนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปีเมื่อเดือนพ.ย.
ลำดับสุดท้ายคือความคาดหวังของความขัดแย้งในส่วนนโยบายการเงินระหว่างธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ยังคงสถานะสายพิราบอย่างเต็มที่ และท่าทีที่เปลี่ยนมาเป็นสายเหยี่ยวของธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ที่อาจยกระดับขึ้นไปอีก
ผู้เชี่ยวชาญจาก BMO ยังได้ให้ความเห็นว่า จากสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอาจจะมีแนวโน้มของความเคลื่อนไหวอีกไม่มากนัก ซึ่งเขามองว่าคู่เงิน EUR-CAD ยังสามารถจะไต่ขึ้นไปจนถึงระดับ 1.30 ขึ้นไปก่อนจะสิ้นสุดรอบปัจจุบัน
References :
