หลังการพุ่งขึ้นของดัชนีราคาที่ทำให้หลาย ๆ ฝ่ายต้องตื่นตระหนก ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็กลายเป็นสถาบันการเงินหลักของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น โดยมีธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่รอจ่อคิวตามไปในปีหน้า
แม้เรื่องช่วงเวลาและขนาดของการปรับอัตราดอกเบี้ยจะยังเป็นประเด็นที่สามารถพูดคุยกันต่อไปได้ไม่จบสิ้น แต่นักเศรษฐศาสตร์ทุกคนต่างเห็นตรงกันว่า ด้วยราคาที่ขยับขึ้นอย่างรวดเร็วการเพิ่มต้นทุนของการกู้ยืมจะช่วยลดความต้องการและอัตราเงินเฟ้อลงได้
แต่อาจไม่ใช่กับตุรกี เมื่อปธน. เทย์ยิป เออร์โดกัน ยังคงบีบธนาคารกลางของประเทศที่แทบไม่มีความเป็นอิสระอย่างต่อเนื่องให้ยังคงปรับลดดอกเบี้ยลงแม้อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้นก็ตาม ซึ่งธนาคารกลางก็ยังคงทำตามคำสั่งโดยไม่คำนึงถึงหายนะที่อาจจะตามมา
หากมองถึงสถานการณ์ล่าสุด ดัชนีราคาของตุรกีทะยานขึ้นถึง 21.3% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบกับ 1 ปีก่อน ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่ามันยังมีโอกาสไปต่อได้ถึง 30% ภายใน 6 ถึง 9 เดือนข้างหน้า
ในขณะเดียวกันค่าเงินของลีราตุรกีก็ดิ่งลงอย่างหนักโดยมูลค่าของมันเมื่อเทียบกับดอลลาร์สูญหายไปกว่าครึ่งนับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2021 และแนวโน้มที่ลดลงก็ยังยากที่จะหยุดยั้งเพราะธนาคารกลางตุรกีก็ไม่ได้มีทุนสำรองระหว่างประเทศมากมายซักเท่าไร
จากแนวโน้มที่กำลังจะกลายเป็นสถิติเลวร้ายสุดนับตั้งแต่ปี 1995 พวกเขายังเสี่ยงพาตัวเองดิ่งลงเหวไปอีก โดยระว่างสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางตุรกีประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันจาก 15% ลงมาเหลือ 14%
ผลกระทบที่ตามมาก็คือชาวตุรกีได้แต่เฝ้ามองมูลค่าของบัญชีเงินฝากและค่าแรงของตัวเองที่สูญหายไป ก่อนที่รัฐบาลของ เออร์โดกัน จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ (?) ด้วยการประกาศเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขึ้นอีก 50% ให้ไปอยู่ที่ 4,250 ลีรา หรือ $275 ต่อเดือนในปีหน้า
แต่การกระทำดังกล่าวก็ถูกคาดหมายว่าจะทำให้ภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นอีก 3.5-10 หน่วย % และส่งผลกระทบต่อแรงงานชาวตุรกีราว 6 ล้านคน เพราะด้วยมูลค่าของลีราที่ลดลงจะทำให้อัตราค่าแรงใหม่ยังคงต่ำกว่าค่าจ้างต่อปีที่เทียบเท่ากับ $380 ในปีก่อน
แม้ความพยายามของ เออร์โดกัน อาจช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นทางการเมืองให้กับเขา แต่ก็เป็นที่ทราบกันโดยทั่วว่าค่าแรงที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงขึ้น ในขณะที่ประเทศอื่นอย่างรัสเซียก็เลือกที่จะขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 1% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics ให้ความเห็นว่า เออร์โดกัน พยายามบงการธนาคารกลางที่ถูกครอบงำอย่างหนัก ด้วยบททดสอบจากมุมมองนอกตำราของตนเองในการปรับอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อหวังฉุดอัตราเงินเฟ้อให้ขยับตามลงไปด้วย
ธนาคารกลางตุรกีปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อหวังกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ, การกู้ยืม และการส่งออกตามทฤษฎีของ เออร์โดกัน ซึ่งก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านและนักเศรษฐศาสตร์ถึงนโยบายที่บ้าบิ่น
ในช่วง 2 สัปดาห์หลังสุดธนาคารกลางยังเข้าไปแทรกแซงตลาดเงินตราระหว่างประเทศถึง 4 ครั้ง เพื่อหวังชะลอมูลค่าที่ลดลงของลีราด้วยการเทขายดอลลาร์จากคลังเงินทุนสำรอง ซึ่งจนถึงขณะนี้ลีรายังมีมูลค่าดิ่งลง 51% และ 54% จากเมื่อต้นปีเมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์ตามลำดับ
References :
https://edition.cnn.com/2021/12/17/investing/premarket-stocks-trading/index.html
https://www.cnbc.com/2021/12/17/turkeys-currency-crisis-deepens-after-erdogans-latest-rate-cut.html