รายงานผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ของเมื่อเดือนธ.ค.เปิดเผยว่า มีแผนเริ่มลดปริมาณการถือครองพันธบัตรและการส่งสัญญาณถึงการลดระดับงบดุลบัญชี โดยน่าจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากการปรับอัตราดอกเบี้ยไปซักระยะ
แม้จะไม่มีการระบุชัดเจนถึงกำหนดการเริ่มต้นสะสางยอดงบดุลที่พุ่งขึ้นสูงถึง $8.3 ล้านล้านในรูปแบบของพันธบัตรต่าง ๆ แต่จากข้อความของรายงานก็บ่งชี้ไปถึงกระบวนการที่อาจเริ่มต้นในปีนี้ โดยมีโอกาสจะเกิดขึ้นในอีก 4-5 เดือนข้างหน้า
ปัจจุบันความคาดหวังของตลาดกำลังจดจ่อไปถึงการขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ที่น่าจะเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งหมายความว่าการปรับระดับของงบดุลบัญชีก็น่าจะเริ่มต้นขึ้นก่อนถึงช่วงหน้าร้อน
จากรายงานยังบ่งชี้ว่าหากกระบวนการดังกล่าวเริ่มต้นขึ้น อัตราที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการทางงบดุลบัญชีก็น่าจะมีระดับที่เร็วกว่ากระบวนการปรับระดับที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในเดือนต.ค.ปี 2017
ขนาดงบดุลบัญชีของ Fed อยู่ในระดับสูงเป็นพิเศษ เนื่องจากโครงการซื้อสินทรัพย์ของสถาบันถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ในระดับต่ำ ในขณะที่ช่วยกระตุ้นตลาดการเงินและช่วยรักษาการไหลเวียนของกระแสเงินในระบบเศรษฐกิจ
ระหว่างช่วงการปรับงบดุลในปี 2017-19 Fed เริ่มต้นกระบวนการด้วยการทยอยปล่อยสินทรัพย์มูลค่า $1 หมื่นล้านในแต่ละไตรมาส ก่อนจะทยอยเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงลิมิตที่ $5 หมื่นล้านภายในช่วงเวลาที่กำหนด
แผนการเริ่มต้นโครงการของธนาคารกลางในครั้งนั้นมีความตั้งใจที่จะลดขนาดของงบดุลบัญชีลงอย่างเต็มที่ แต่ก็กลับถูกขัดขวางโดยภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวในปี 2019 และตามมาด้วยภาวะวิกฤตของ COVID-19 ในปี 2020
อดีตปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้เคยออกมาส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์โครงการดังกล่าว โดยบางครั้งเขาจะพาดพิงถึงการดำเนินการนั้นว่าเป็นนโยบายการเงินแบบหดตัว (QT) พร้อมกับการกล่าวโจมตีแผนการทำงานของ Fed
จากผลรายงานล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed หลายคนคาดการณ์ไปถึงการขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมากสุดถึง 0.75 หน่วย % ในปี 2022 และการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 3 ครั้งในปี 2023 และอีก 2 ครั้งในปีถัดไป
ยังมีการกล่าวถึงผลการชี้วัดอัตราเงินเฟ้อว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าและยืดเยื้อกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ ในขณะที่สมาชิกหลายคนกล่าวว่ามันจะยังมีอัตราการเติบโตที่มั่นคงในปีนี้ และอาจกลายเป็นความเสี่ยงที่เข้มแข็งกว่าปัญหาจากโรคระบาด
ปัจจุบันอัตราการต่อรองถึงโอกาสในการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ Fed ในเดือนมี.ค.อยู่ที่ประมาณ 67% ตามข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group ในขณะที่นักลงทุนยังมองไปถึงการปรับดอกเบี้ยครั้งถัดไปในเดือนมิ.ย.-ก.ค. และอีกครั้งในเดือนพ.ย.-ธ.ค.
Fed ได้กล่าวสรุปถึงเหตุผลในความเคลื่อนไหวของพวกเขาว่า เพื่อตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงและยาวนานกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเดือนพ.ย.พุ่งขึ้นด้วยอัตราที่รวดเร็วสุดในรอบเกือบ 40 ปี
References :
https://www.cnbc.com/2022/01/05/fed-minutes-december-2021.html