ตัวเลข $213 พันล้านคือปริมาณที่ยังขาดหายไปของการสั่งซื้อสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯตามพันธสัญญาที่จีนเคยให้ไว้ตั้งแต่สมัยอดีตปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในปี 2020 ตามการเปิดเผยผลรายงานเมื่อวานนี้
จากพันธสัญญาตามข้อตกลงการค้าเฟสที่ 1 ทางรัฐบาลปักกิ่งสัญญาว่าจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น $2 แสนล้านจากยอดสั่งซื้อในปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่สงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศจะเริ่มต้นขึ้น
ดีลที่ผ่านการลงนามโดย ทรัมป์ และปธน. สี จิ้นผิง แห่งจีนกำลังจะสิ้นสุดลง ณ ตอนสิ้นปี 2021 ในขณะที่จีนยังไม่เคยทำได้เป้าหมายที่วางเอาไว้ ซึ่งจากรายงานฉบับใหม่ของสถาบัน Peterson Institute ได้เผยให้เห็นภาพรวมของการค้าที่เกิดขึ้นในช่วงราว 2 ปีที่ผ่านมา
ในรายงานได้กล่าวไว้ว่า จีนซื้อสินค้าไปเพียง 57% จากยอดส่งออกของสหรัฐฯตามที่ตกลงกันไว้ ในขณะที่จีนยังไม่ได้ซื้อสินค้าใด ๆ เพิ่มเติมจากเงื่อนไข $2 แสนล้านตามดีลที่เคยระบุไว้ตั้งแต่ในสมัยของ ทรัมป์
แม้วิกฤต COVID-19 จะมีส่วนสำคัญในการชะลอตัวของการค้าทั่วโลกภายหลังการเซ็นสัญญาดังกล่าวไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ยังคงตั้งข้อสงสัยว่าจีนจะสามารถทำตามเงื่อนไขการสั่งซื้ออันทะเยอทะยานตามที่วางเอาไว้ตั้งแต่แรกได้หรือไม่
หลังผ่านพ้นระยะเวลาราว 18 เดือนของความขัดแย้งเกี่ยวกับภาษีที่เกือบทำให้กิจการส่งออกของสหรัฐฯต้องหยุดชะงักลง ก็ต้องมีการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับผู้ซื้อชาวจีนขึ้นมาใหม่ ในขณะที่ข้อตกลงดังกล่าวยังคงระดับภาษีเท่าเดิมที่ทำให้ราคาสินค้าของสหรัฐฯสูงขึ้น
แม้ฝั่งเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าหนักสุดจะเริ่มมองเห็นการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังจีนกลับคืนสู่ระดับของเมื่อปี 2017 แต่ก็ยังน้อยกว่าที่จีนเคยให้สัญญาไว้ เช่น ถั่วเหลืองที่ยังคงระดับต่ำกว่าเป้าหมายเกินกว่า 30%
ในข้อตกลงเฟส 1 ไม่ได้ระบุผลสะท้อนกลับในกรณีที่จีนทำไม่ได้ตามเป้าหมาย แต่ปธน. โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯได้กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ความล้มเหลวในการทำตามพันธสัญญาของจีนคือสาเหตุหลักที่ทำให้เขายังคงมาตรการกำแพงภาษีกับสินค้าจากจีนในสมัย ทรัมป์ เอาไว้
ในขณะที่ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯก็ได้ทำการพูดคุยกับตัวแทนของฝั่งจีนมาตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมาเกี่ยวกับเป้าหมายที่ยังขาดตกบกพร่องอยู่ แต่ก็ได้เปิดเผยว่ายังไม่มีสัญญาณที่ดีตอบกลับมาและความอดทนของทางฝั่งสหรัฐฯก็เริ่มจะลดน้อยลง
มาตรการกำแพงภาษีทำให้ธุรกิจของชาวอเมริกันมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการนำเข้าสินค้าจากจีน และหลายสิ่งอย่างก็ไม่ได้มีการผลิตอยู่ในสหรัฐฯในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการ จนส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตที่จำเป็นต้องมีการนำเข้าชิ้นส่วนประกอบบางอย่าง
ประธานกลุ่มพันธมิตรเพื่อการผลิตของอเมริกา (AAM) ให้ความเห็นว่า จากความล้มเหลวในการไปให้ถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้ของจีน เป็นสัญญาณบ่งบอกที่ชัดเจนว่าสหรัฐฯจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนเอง
และนั่นก็สอดคล้องกับความพยายามของ ไบเดน ในการผลักดันร่างกฎหมายเพื่อตอบโต้การขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน โดยมีเป้าหมายของการลงทุนระดับพันล้านดอลลาร์ในอุตสาหกรรมผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์และการพัฒนาระบบซัพพลายเชนของประเทศ
References :
https://edition.cnn.com/2022/02/08/politics/trump-china-us-trade-phase-one-deal/index.html
