ท่ามกลางราคาพลังงานที่ยังคงทะยานขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ความหวังล่าสุดก็คือองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออกและกลุ่มชาติพันธมิตร (OPEC+) ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันมาโดยตลอด อาจจะประกาศแผนเพิ่มกำลังการผลิตในวันนี้
จากรายงานที่เปิดเผยโดย Goldman Sachs ในสัปดาห์นี้ระบุว่า ราคาน้ำมันกำลังขยับเข้าสู่ระยะของการแทรกแซงทางการเมือง โดยเชื่อว่าระหว่างการประชุมของ OPEC+ ในวันนี้ อาจมีแนวทางเพิ่มเติมจากแผนขยายกำลังผลิตต่อเดือนที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd)
ด้วยแรงกระตุ้นจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯขยับขึ้นสูงกว่า $88 ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับแต่ต.ค. 2014 หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นสูงกว่า $90 ต่อบาร์เรลไปแล้วก่อนหน้านั้น
ในขณะที่ราคาเฉลี่ยของน้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐฯก็ไต่ขึ้นมาอยู่ที่ $3.38 ต่อแกลลอนเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงกว่าจุดต่ำสุดล่าสุดที่ $3.28 อยู่ 10 เซนต์ และใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ $3.42 ของเมื่อตอนฤดูใบไม้ร่วงปีก่อน
อย่างไรก็ตามข่าวร้ายก็คือแม้จะมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจาก OPEC+ แต่ผลตอบสนองที่เกิดขึ้นก็อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อตลาดพลังงานที่ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง
GS เปิดเผยว่าหาก OPEC+ เร่งขยับมาดำเนินการตามแผนที่วางไว้สำหรับเดือนเม.ย.ล่วงหน้า ในการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปอีก 200,000 bpd ก็อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันที่ลดลงเพียง $3 ต่อบาร์เรล
เหตุผลหลักที่ GS อ้างถึงคือระดับปริมาณสำรองในระดับต่ำจนถึงขั้นวิกฤตของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในหลายรูปแบบและภูมิภาค รวมถึงขีดความจุของพื้นที่จัดเก็บสำรองที่อยู่ในระดับต่ำขั้นสุดสำหรับการยกระดับของการจัดหา
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างผู้ผลิตน้ำมันจากหินดินดานของสหรัฐฯ (shale oil) อย่าง Hess และ Chevron ต่างก็พึ่งส่งสัญญาณออกมาไม่นานนี้ ถึงแผนการกระตุ้นกำลังการผลิตที่น้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
แต่ในอีกมุมหนึ่ง OPEC ก็มีรายได้ที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาถึง 80% ในปี 2021 และถือเป็นอัตราการฟื้นตัวที่รวดเร็วสุดนับตั้งแต่ปี 1974 หลังเหตุการณ์วิกฤตน้ำมันโลกที่กลุ่มชาติอาหรับแบนการส่งออกน้ำมันไปยังสหรัฐฯและประเทศพันธมิตร
หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัท RBC Capital Markets ให้ความเห็นว่า สำหรับประเทศที่ยังคงเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ อย่างอิรัก การที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นถือเป็นการพัฒนาที่น่ายินดี ซึ่งอาจผลักดันให้ความกังวลเรื่องปริมาณความต้องการที่ถูกทำลายไปกลายเป็นเรื่องรอง
นักกลยุทธ์ของ RBC ยังตั้งข้อสังเกตว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นได้ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียเพิ่มขึ้น และอาจทำให้รัฐบาลมอสโกมีช่องทางมากขึ้นในการอดทนต่อมาตรการคว่ำบาตรของกลุ่มชาติตะวันตก
ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่กล่าวว่า ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นเหนือระดับ $100 ต่อบาร์เรลได้ไม่ยาก หากรัสเซียบุกเข้าโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบ และนั่นก็อาจทำให้เกิดการตอบสนองจากซาอุดิอาระเบียในฐานะผู้นำของ OPEC โดยพฤตินัย
References :
https://edition.cnn.com/2022/02/01/business/gas-prices-opec-meeting-oil/index.html