นักวิเคราะห์เตือนการเกิดภาวะถดถอยหากราคาน้ำมันยังทะยานขึ้นไม่เลิก

การตัดสินใจแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียโดยสหรัฐฯอาจทำให้ปัญหาของราคาน้ำมันและอาหารทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ตามคำกล่าวเตือนของบรรดานักวิเคราะห์ที่มองถึงโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อต่อไปอีก

ประธานบริษัท Lipow Oil Associates กล่าวว่า หากรัสเซียตอบโต้ด้วยการปฏิเสธที่จะส่งน้ำมันให้กับยุโรป ก็อาจทำให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นอีก $20-$30 ต่อบาร์เรลได้อย่างง่ายดาย โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลมอสโกก็เคยขู่ว่าจะตัดยุโรปออกจากที่หมายจัดส่งแก๊สธรรมชาติ

หลังจากที่ปธน. โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯประกาศห้ามการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียเมื่อวันอังคาร ราคาซื้อขายน้ำมันดิบของสหรัฐก็ขยับขึ้นไปอยู่เหนือ $128 ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็พุ่งขึ้นเหนือ $130 ก่อนที่จะปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ UK และ EU ยังกล่าวว่า พวกเขายังเตรียมการที่จะเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย หลังจากที่ราคาได้ทะยานขึ้นไปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาตั้งแต่ปี 2008

รัสเซียรับบทบาทเป็นผู้จัดหา 11% ของการใช้น้ำมันทั่วโลก, 17% ของการใช้แก๊สทั่วโลก และยังคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 40% ของการใช้แก๊สในยุโรปตะวันตกภายในปี 2021 ตามสถิติของสถาบันการเงิน Goldman Sachs

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Capital Economics กล่าวว่า ในกรณีที่เลวร้ายสุด การห้ามนำเข้าพลังงานของรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จในทุกประเทศที่เป็นผู้บริโภคหลัก จะลดและขัดขวางการจัดหาพลังงานอย่างรุนแรงจนส่งผลให้ราคามุ่งหน้าไปยังจุดที่ไม่เคยไปถึงมาก่อน

อัตราเงินเฟ้อในประเทศที่พัฒนาแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 5% ตอนสิ้นปี เมื่อเทียบกับตัวเลข 2.4% ที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนการบุกยูเครนของรัสเซีย และผลกระทบจากการลดลงของอำนาจซื้อในครัวเรือนและการปันส่วนพลังงานในยุโรปจะผลักดันให้ยูโรโซนก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอย

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ในทางทฤษฎีการไหลเวียนของน้ำมันในตลาดอาจถูกจัดเรียงขึ้นใหม่เพื่อบรรเทาสถานะของการจัดหาที่ตึงตัวในฝั่งตะวันตก แต่ในทางปฏิบัติแล้วอาจไม่ได้เกิดขึ้นตามนั้น

หากกลุ่มประเทศฝั่งตะวันตกซื้อน้ำมันจากรัสเซียน้อยลง โดยหลักการแล้วจีนและอินเดียจะสามารถซื้อน้ำมันของรัสเซียได้มากขึ้น โดยที่ซาอุดีอาระเบียและน้ำมันจากแหล่งอื่นๆ ก็จะลดลงตามลำดับ ซึ่งสามารถไหลเวียนไปสู่ฝั่งตะวันตกแทน

แต่ในทางปฏิบัติมันจะไม่มีทางลงตัวเช่นนั้น ไม่เพียงเพราะค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นและปัญหาทางเทคนิคอื่น ๆ แต่ยังเป็นเพราะจีนและอินเดียอาจไม่เต็มใจที่จะขยายการนำเข้าและการชำระเงินกับรัสเซีย ในขณะที่กำลังถูกรุมประณามจากประชาคมโลก

GS ยังประเมินต่อไปว่า ด้วยราคาที่ดีดตัวขึ้นไปแล้วกว่า $20 ต่อบาร์เรล หากแนวโน้มของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นดังกล่าวยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลต่อค่า GDP ในเขตยูโรโซนที่ลดลง 0.6% พร้อมกับสร้างปัญหาให้กับค่าครองชีพของเหล่าผู้บริโภค

ส่วนทางนักวิเคราะห์จากบริษัท Kpler ได้กล่าวเสริมว่า แม้ก่อนช่วงที่จะมีการประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างเป็นทางการ หลายบริษัทในสหรัฐฯก็เริ่มมีแนวคิดที่จะหยุดการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซียอยู่แล้ว ซึ่งมันอาจมีผลมากกว่ามาตรการคว่ำบาตรที่ออกมาด้วยซ้ำ

References :

https://www.cnbc.com/2022/03/09/analysts-on-inflation-recession-after-russian-oil-bans.html