อาจเป็นเรื่องที่ฟังดูแปลกแต่สิ่งที่ Disney ต้องการอย่างแท้จริงในเวลานี้คือคอนเทนต์ที่พร้อมจะเป็นกระแส เนื่องจากการรายงานผลประกอบการเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เผยถึงอัตราการเติบโตของธุรกิจสตรีมมิ่งที่ชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสหลังสุด
จากมูลค่าในตลาดหุ้นที่ลดลง 8.5% ในวันต่อมา ได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าอาณาจักรมีเดียระดับโลกที่เคยครองความยิ่งใหญ่ในธุรกิจอย่างสวนสนุก, เคเบิ้ลทีวี และภาพยนตร์ แต่ปัจจุบันกลับต้องฝากความหวังในมูลค่าหุ้นของบริษัทเอาไว้กับธุรกิจสตรีมมิ่งอย่าง Disney+
ซีรีส์ของ Marvel อย่าง WandaVision, The Falcon and the Winter Soldier และ Loki ต่างผ่านมาและก็ผ่านไป ซีซั่น 3 ของ The Mandalorian ก็ต้องรอจนถึงปีหน้า ส่วนภาพยนตร์อย่าง Shang-chi และ Eternals ก็ได้กลับไปสร้างกระแสอยู่ในโรงหนังแทน
อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีความหวังอยู่เมื่อ Disney+ กำลังเตรียมจะนำเสนอคอนเทนต์ที่น่าจะกลายเป็นกระแสได้ในช่วงปลายปีนี้ นำมาโดย The Book of Boba Fett ซีรีส์ใหม่จาก Star Wars ซึ่งมีกำหนดฉายในวันที่ 29 ธ.ค.
ในขณะที่ซีรีส์จาก Marvel ก็ยังเป็นสิ่งที่ Disney น่าจะหวังพึ่งพาได้ โดยในช่วงปลายเดือนนี้ Hawkeye ซูเปอร์ฮีโร่นักธนูจากทีม Avengers มีกำหนดจะลงจอทางสตรีมมิ่ง และการ์ตูนอนิเมชั่น Encanto ก็เตรียมจะเปิดตัวในช่วงวันคริสมาสต์
นั่นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญหลังการเปิดโอกาสให้ภาพยนตร์ได้กลับมาสร้างรายได้จาก Box Office ก่อนที่ทางบริษัทจะพยายามดีงดูดสมาชิกหน้าใหม่ที่ต้องการรับชมความบันเทิงกับครอบครัวที่บ้านในช่วงเทศกาลวันหยุด
จากเมื่อเดือนธ.ค.ปีก่อน Disney ได้จุดประกายความหวังให้กับนักลงทุนและบรรดาแฟนคลับด้วยโชว์อันหลากหลายที่จะทยอยเปิดตัวใน Disney+ ทั้งซีรีส์จาก Star Wars อย่าง Obi-Wan Kenobi และซีรีส์จาก Marvel ที่เกี่ยวกับ Ms. Marvel และ She Hulk
อย่างไรก็ตาม Disney ยังคงมีช่องทางในการขยายฐานลูกค้าออกไปยังกลุ่มที่มีอายุเพิ่มขึ้นอีก หากบริษัทต้องการยกระดับขึ้นมาแข่งขันกับทาง Netflix จริง ๆ โดยที่พวกเขายังมีหน่วยผลิตคอนเทนต์อีกกลุ่มจากสตูดิโอ 20th Century และ FX
ในฐานะแบรนด์ที่ถูกตีตราว่ามีเนื้อหาที่เป็นมิตรกับครอบครัว ในสหรัฐฯพวกเขาจะแยกคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นไปไว้ใน Hulu แต่หากมันจะเป็นแผนการที่ช่วยธุรกิจสตรีมมิ่งของบริษัทได้มาก หาก Disney+ จะกลายเป็นแหล่งบันเทิงแบบครบจบในที่เดียว
มีการกล่าวถึง Disney+ After Dark ที่จะขยายฐานคนดูออกไปนอกเหนือจากกลุ่มเยาวชนที่เป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้เริ่มนำเสนอแนวทางดังกล่าวไปแล้วในต่างประเทศด้วย Star หรือที่บ้านเรารู้จักกันในชื่อ Hotstar
แต่มันก็อาจเป็นทางเลือกที่ต้องใช้การพิจารณาอย่างถี่ถ้วน จากที่พวกเขาคอยรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด การมีคอนเทนต์เรต R อย่าง Deadpool ที่นำเสนอต่อจาก Mickey Mouse Clubhouse ใน Disney+ ก็อาจขัดต่อหลักการที่บริษัทยึดมั่นมาตั้งแต่ปี 1923
แต่อย่างน้อยหาก Disney ต้องการหลีกเลี่ยงความกังวลที่จะเกิดขึ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยยอดสมัครสมาชิกที่บางตา และคาดหวังที่จะก้าวขึ้นไปครอบครองอาณาจักรสตรีมมิ่ง การปล่อยคอนเทนต์ที่จะกลายเป็นกระแสจากวัตถุดิบที่มีในมือก็เป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้อย่างต่อเนื่อง
References :
https://edition.cnn.com/2021/11/11/media/disney-earnings/index.html