ท่ามกลางความต้องการชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่สูงขึ้นจนกลายเป็นปัญหาการขาดแคลนในปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Apple, Amazon, Facebook และ Tesla ต่างยังคงหลีกเลี่ยงการจัดตั้งบริษัทผลิตชิปขึ้นมาเอง
แต่ด้วยความต้องการของชิปที่มีลักษณะเฉพาะตามการนำไปใช้ของพวกเขามีมากกว่าชิปที่ถูกผลิตออกมาโดยทั่วไป จึงทำให้กลุ่มบริษัทเหล่านั้นนำหลักเกณฑ์ในการออกแบบและการพัฒนาประสิทธิภาพของชิปเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในองค์กร
อดีตผอ.ของบริษัท Dialog Semiconductor ได้ให้ความเห็นว่า ชิปที่ถูกดีไซน์ขึ้นมาเฉพาะจะสามารถแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่าและในราคาที่ถูกกว่า โดยที่มันยังช่วยลดการใช้พลังงานสำหรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งที่ในส่วนของสมาร์ทโฟนและบริการคลาวด์
ส่วนนักวิเคราะห์จาก Forrester Research ก็ได้กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนชิปอันยืดเยื้อเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้กิจการยักษ์ใหญ่ต้องคิดหนักเป็น 2 เท่าว่าจะเอาชิปมาจากที่ไหน เมื่อภาวะวิกฤตของ COVID-19 ทำให้เกิดปัญหาการติดขัดในระบบซัพพลายเชน
เป็นเวลานานนับเดือนแล้วที่ไม่มีการประกาศโครงการเกี่ยวกับชิปเซมิคอนดักเตอร์จากบริษัทใหญ่ บางทีต้องย้อนกลับไปจนถึงพ.ย.ปีก่อนเมื่อ Apple ประกาศการเปลี่ยนแปลงจากสถาปัตยกรรม x86 ของ Intel มาเป็นชิป M1 ของตนเองทั้งใน iPad และ iMac
หากขยับมาใกล้กว่านั้นก็เป็น Tesla ที่เปิดเผยไว้ในเดือนก่อนว่า ได้สร้างชิป “Dojo” ขึ้นมาใช้ในการฝึกสอนเครือข่ายปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในศูนย์เก็บข้อมูล ซึ่งก่อนหน้านั้นในปี 2019 พวกเขาได้เริ่มผลิตรถยนต์ด้วยชิป AI เฉพาะของตนเอง
นอกจากนี้ก็มีรายงานว่า Google กำลังใกล้จะเปิดตัวหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) สำหรับแล็ปท็อป Chromebook ของตนเอง โดยที่บริษัทมีแผนจะเริ่มใช้ CPU ดังกล่าวในแล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ทำงานโดยระบบปฏิบัติการ Chrome ในปี 2023
ทางด้าน Amazon ที่เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่สุดของโลกก็กำลังพัฒนาชิปสำหรับระบบเครือข่ายของตนเองเพื่อเสริมพลังให้กับอุปกรณ์เชื่อมต่อในเครือข่ายแบบฮาร์ดแวร์ เพื่อการเคลื่อนย้ายข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หรือหากย้อนกลับไปในปี 2019 หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้าน AI ของ Facebook ได้เคยกล่าวไว้ว่า ทางบริษัทกำลังพัฒนาชิปเซมิคอนดักเตอร์ในอีกระดับหนึ่งที่น่าจะมีการทำงานแตกต่างออกไปอย่างชัดเจนจากการออกแบบส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังเจ้าไหนที่ทำการพัฒนาชิปขึ้นมาด้วยตนเองทั้งหมด มันยังเป็นเพียงเรื่องของการออกแบบและการเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตและการขึ้นรูปซึ่งต้องใช้ต้นทุนสูงมาก
การสร้างโรงงานผลิตชิปแบบทันสมัยเหมือนอย่าง TSMC ของไต้หวันต้องใช้ต้นทุนประมาณ $1 หมื่นล้านและระยะเวลาอีกนานหลายปี แม้แต่ Google และ Apple ก็ยังดูสงวนท่าทีเมื่อพูดถึงเรื่องการสร้างโรงงานในส่วนนี้
ยังมีเรื่องของการขาดแคลนบุคลากรในถิ่นซิลิคอนวัลเลย์ที่มีทักษะเพียงพอต่อการออกแบบ CPU เนื่องจากในชุมชนนี้มีการมุ่งเน้นไปยังด้านซอฟต์แวร์ตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา จนทำให้งานวิศวกรรมด้านฮาร์ดแวร์เหมือนเป็นสิ่งที่ดูตกยุคไป
References :
