เศรษฐกิจของจีนดูเหมือนจะมีการฟื้นตัวจากช่วงตกต่ำในระยะสั้น ๆ และเปลี่ยนไปเป็นแนวโน้มขาขึ้น จากที่ประเทศเริ่มหันมาใช้นโยบายแบบผ่อนผัน ตามความเห็นของ Morgan Stanley วาณิชธนกิจระดับโลก
ที่ผ่านมาจีนใช้นโยบายการเงินแบบรัดกุมโดยการลดอัตรา Leverage เพื่อหวังลดระดับหนี้ในภาคส่วนอสังหาริมทรัพย์ พวกเขาตั้งเป้าจะลดอัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (Debt-to-GDP) ลง 10 หน่วย % ภายในปี 2021
แต่ MS ก็ได้กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวถูกพิสูจน์ให้เห็นว่ามีความรุนแรงเกินไป เมื่อพิจารณาถึงการฟื้นตัวที่ชะลอตัวลงในส่วนการเติบโตของผู้บริโภค เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าและนโยบายปลอด COVID-19 ที่ทำให้แนวโน้มของการบริโภคเป็นขาลง
ในขณะที่นักวิเคราะห์จากสถาบันส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจของจีนจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 5% แต่ MS กลับมีมุมมองที่เป็นบวกกว่าโดยเชื่อว่า การเติบโตของตัวเลข GDP ของจีนจะอยู่ที่ 5.5% ในปี 2022 ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ผู้กำหนดนโยบายของจีนได้ออกคำสั่งยับยั้งความพยายามลดระดับของ Leverage ในตลาดการเงิน และเริ่มหันมาใช้นโยบายแบบผ่อนคลายทั้งในส่วนของการเงินและการคลังตั้งแต่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในขณะที่ยังมีการปรับลดอัตราส่วนสำรองขั้นต่ำของธนาคารกลางถึง 2 รอบเพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจ ที่ยังมาพร้อมกับแนวทางของการจัดสรรเงินกู้ให้กับธุรกิจขนาดเล็กและกลางเพิ่มขึ้น รวมถึงการจดจำนองแก่บริษัทพัฒนาอสังหาฯ
อันดับต่อมา แม้จะมีความน่ากังวลในภาคส่วนอสังหาฯ หลังการเกิดวิกฤตทางการเงินขึ้นกับ Evergrande ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด รวมถึงอีกหลาย ๆ บริษัทในภาคส่วนที่เริ่มมีปัญหาในการชำระอัตราดอกเบี้ย
แต่ MS เชื่อว่าการเยียวยาจะมาพร้อมกับการปรับเทียบนโยบายใหม่ที่กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายยังกำลังจะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยการกำหนดขั้นตอนเพื่อรับรองระดับของเงินทุนที่จำเป็นสำหรับบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ
MS ให้เหตุผลต่อไปถึงการขยับตัวของรัฐบาลปักกิ่งในการเข้ามาแทรกแซงอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ หลังปัญหาการขาดแคลนถ่านหินเริ่มปรากฏออกมาให้เห็น ซึ่งน่าจะนำไปสู่การรีเซ็ตเป้าหมายและนโยบายด้านพลังงานของประเทศในปี 2022
สถาบันการเงินชื่อดังกล่าวว่า จากจุดเปลี่ยนอันรวดเร็วในการผลิตถ่านหินและความพร้อมใช้งาน ได้ทำให้เหมืองถ่านหินเริ่มกลับมาทำงานและผู้ผลิตไฟฟ้าก็ได้รับอนุญาตให้ขยับราคาขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมกับต้นทุนที่สูงขึ้น
สุดท้ายจากนโยบาย COVID-19 เป็นศูนย์ที่ช่วยป้องกันการหยุดชะงักของการผลิตในโรงงาน และยังนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งการส่งออกทั่วโลก จะทำให้การส่งออกของจีนเติบโตยิ่งขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ทั่วโลกที่คอยเอื้ออำนวยอยู่
อย่างไรก็ตาม MS ก็ได้ชี้ไปถึงปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนควรต้องระมัดระวัง คือในกรณีที่การติดขัดของระบบซัพพลายเชนและปัญหาคอขวดต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายลงไป ก็อาจเป็นสาเหตุให้จีนล้มเลิกการยกระดับสัดส่วนของการส่งออกได้
References :
https://www.cnbc.com/2022/01/03/morgan-stanley-on-chinas-gdp-economy-in-2022.html
