การบุกเข้าโจมตียูเครนของรัสเซียอาจชะลอการเติบโตทั่วโลกและเพิ่มความเสี่ยงทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ แต่ธนาคารกลางชั้นนำหลายแห่งยังคงให้ความสำคัญกับการต่อสู้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อที่ดูเหมือนว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ในขณะที่ยุโรปอาจมีความเปราะบางมากที่สุดต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในวงกว้างจากสงคราม แต่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนเมื่อวานนี้ว่า ทุกฝ่ายไม่สามารถมองข้ามปัญหาจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในยูโรโซนได้
ECB กล่าวถึงสงครามว่าเป็น “จุดพลิกผัน” ที่อาจยับยั้งอัตราการเติบโตแต่กลับซ้ำเติมปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งพวกเขาตัดสินใจที่จะหยุดอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดในช่วงฤดูร้อนนี้ เพื่อเป็นการเปิดทางให้กับการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้
มีบริบทที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นในประเทศฝั่งตะวันตกอื่น ๆ รวมถึงสหรัฐฯ เนื่องจากคณะรัฐบาลกำลังชั่งน้ำหนักถึงความเสียหายที่อาจเกิดกับเศรษฐกิจของตนจากการทำสงครามกับอัตราเงินเฟ้อที่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มีการคาดการณ์ถึงอัตราการเติบโตว่าจะอยู่เหนือแนวโน้มภายในกลุ่มประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ประเทศเหล่านั้นมุ่งความสนใจไปที่อัตราเงินเฟ้อที่เติบโตขึ้นเร็วกว่าเกณฑ์มาตรฐานทั่วไปที่ 2%
ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ทำการขยับตัวด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ถูกคาดหมายว่าจะมีความเคลื่อนไหวในช่วงสัปดาห์หน้า รวมถึงในเดือนถัด ๆ ไป
แม้แต่คณะกรรมการด้านนโยบายการคลัง ซึ่งอ่อนไหวต่อปัญหาการเมืองของการพัฒนาเศรษฐกิจและมักเป็นฝ่ายสนับสนุนนโยบายแบบผ่อนผันของธนาคารกลาง ต่างก็ตระหนักดีถึงอำนาจกัดกร่อนของการขึ้นราคาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ด้วยดัชนีราคาผู้บริโภคที่ดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี นักลงทุนกำลังคาดหวังว่า Fed จะขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นระหว่าง 1.75%-2% ภายในสิ้นปีนี้ และเป็นอัตราที่สูงขึ้น 0.25 หน่วย % จากผลคาดการณ์ในสัปดาห์ก่อน
แต่ผู้ที่แตกแถวออกไปมากที่สุดก็คือธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะยังคงตรึงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายขั้นสุดเอาไว้เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวที่ยังคงอ่อนไหว แม้การดีดตัวขึ้นของราคาพลังงานจะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อขยับไปถึงเป้าหมายที่ 2% แล้วก็ตาม
เส้นทางของนโยบายการเงินจะมีความชัดเจนน้อยลงในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากหลาย ๆ ประเทศยังคงล้าหลังจากฝั่งตะวันตกในการยกเลิกกฎระเบียบและข้อจำกัดการควบคุมปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19
ธนาคารกลางบางแห่งในภูมิภาค เช่น นิวซีแลนด์, เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ยังคงมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับปัญหาดัชนีราคาและอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเสื่อมค่าของสกุลเงินตนเอง ซึ่งได้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายที่ตึงตัวขึ้นแล้ว
ในขณะที่ ฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ได้ออกมากล่าวเตือนในวันนี้ว่า สำหรับผู้ที่กู้ยืมอาจต้องใช้ความรอบคอบและการเตรียมพร้อมสำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นภายในปีนี้ จากปัญหาของอัตราเงินเฟ้อที่กำลังขยายตัวขึ้น
References :