ธนาคารอังกฤษ (BoE) เริ่มต้นเปิดฉากการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อรับมือกับปัญหาจากภาวะเงินเฟ้อแล้ว ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็มีแนวโน้มที่จะเดินตามรอยไปในไม่ช้านี้ แต่คำถามคือมันจะเป็นไปในแนวทางที่แข็งกร้าวเพียงใด
บรรดานักลงทุนกำลังเฝ้าติดตามเงื่อนงำจาก เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ที่จะจัดการแถลงการณ์หลังการประชุมนโยบายในคืนวันพุธนี้ แม้หลายฝ่ายจะไม่ได้คาดหวังถึงความเคลื่อนไหวภายในสัปดาห์นี้ และมองไปถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.มากกว่า
ซึ่งนั่นอาจจะเป็นครั้งแรกของ Fed ในการขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นหลังจากหั่นตัวเลขลงเหลือใกล้ศูนย์ตอนช่วงเริ่มต้นการระบาดของ COVID-19 ในเดือนมี.ค.ปี 2020 ในขณะที่ทางสถาบันยังไม่เคยขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาตั้งแต่ธ.ค.ปี 2018
การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจะสร้างต้นทุนที่สูงขึ้นให้กับประชาชนส่วนใหญ่และกิจการต่าง ๆ ในการกู้ยืมเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การชะลอตัวลงในการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นการสกัดกั้นราคาที่สูงขึ้น
จากข้อมูลของ CME Group ตลาดอนุพันธ์รายใหญ่ที่สุดของโลกเปิดเผยว่า นักลงทุนในตลาดถึงราว 88% มองถึงโอกาสของการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.25% จากการประชุมนโยบายของ Fed ในวันที่ 16 มี.ค.นี้
แต่ผู้มีส่วนร่วมในตลาดส่วนหนึ่งกลับเชื่อว่า Fed จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นสูงกว่านั้น โดยมีนักลงทุนประมาณ 5% มองถึงความเป็นไปได้ในการขยับดอกเบี้ยขึ้นไป 0.50% ซึ่งก็หมายความว่ามีนักลงทุนอีกราว 7% ที่เชื่อว่า Fed จะยังรักษานโยบายการเงินเอาไว้ดังเดิม
ผจก.กองทุนบริษัท Pershing Square Capital Management ได้กล่าวไว้เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาว่า การปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.5% อาจช่วยฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของ Fed ในการต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อด้วยแนวทางการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบ
เขาให้ความเห็นต่อไปว่า Fed กำลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำในสมรภูมิเงินเฟ้อและอยู่ในจุดที่ตามหลังจากที่ควรจะเป็น ด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจอันน่าเจ็บปวดสำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง
เช่นเดียวกับ CEO ของธนาคาร Citizens Financial Group ที่เชื่อว่าอาจมีการขยับอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ โดยชี้ว่าเขาเริ่มได้ยินคำพูดเกี่ยวกับการปรับดอกเบี้ย 0.50% เพิ่มขึ้น
เขากล่าวต่อไปว่า แม้มันอาจไม่ใช่มุมมองส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในตลาดเวลานี้ แต่ Fed อาจต้องเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้นเพื่อสกัดกั้นแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และมันยังแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามฝ่ายที่เห็นตรงกันกับเสียงส่วนใหญ่ในตลาดอย่างหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร BNP Paribas ก็ได้ให้ความเห็นว่า มีแนวโน้มของการปรับอัตราดอกเบี้ยถี่ขึ้นมากกว่าการขยับดอกเบี้ยขึ้นครั้งแรกแบบตูมเดียวถึง 0.50%
ในขณะที่ CEO ของธนาคาร JPMorgan ก็คาดหวังถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกัน โดยเขามองไปถึงขั้นโอกาสของการปรับอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่า 4 ครั้ง ด้วยความเป็นไปได้ประมาณหนึ่งสำหรับการขยับอัตราขึ้น 6 ถึง 7 ครั้ง
References :
https://edition.cnn.com/2022/01/23/investing/stocks-week-ahead/index.html