รู้หรือไม่ – ซาอุดิอาระเบียประกาศจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.พ.และมี.ค
องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (OPEC) ตัดสินใจรักษาตัวเลขคาดการณ์ของการเติบโตอุปสงค์น้ำมันดิบในปี 2021 เอาไว้ดังเดิม จากความคาดหวังที่มีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หากแต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนกลับรู้สึกว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงที่รออยู่
แดน เยอร์กิน รองประธานของ IHS Markit ผู้นำด้านข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมและตลาดสำคัญของโลกมองว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 และอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสยังคงเป็นปัจจัยหลักของทิศทางในอุตสาหกรรมพลังงาน
ในขณะที่ความหวังของปริมาณความต้องการน้ำมันก็อาจจะขยับขึ้น หลังว่าที่ปธน. โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯประกาศแผนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่มีมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อมุ่งเน้นการช่วยสนับสนุนทั้งในภาคครัวเรือนและธุรกิจ
นอกเหนือจากงบประมาณก้อนโตที่จะถูกอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และความคาดหวังต่อวัคซีนในขั้นต้นว่าจะช่วยให้การล็อคดาวน์ทั่วโลกสิ้นสุดลงในไม่ช้านี้ ยังมีอีกปัจจัยสำคัญที่มาจากความเคลื่อนไหวของซาอุดิอาระเบีย ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก
นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ซาอุฯตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายกลางคันภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ล่าสุดคือการประกาศปรับลดอัตราการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) โดยให้เหตุผลบางส่วนว่ามาจากความกังวลถึงอัตราการระบาดของเชื้อไวรัสที่สูงขึ้น
สมาชิกหลักขององค์การและกลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้ชื่อ OPEC+ ได้ร่วมกันลดกำลังการผลิตลงไปเป็นจำนวนมากเมื่อปีที่ผ่านมา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมัน โดยเฉพาะจากปัญหาเที่ยวบินที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ
ซึ่ง เยอร์กิน ได้กล่าวสรุปไว้ว่า การแจกจ่ายวัคซีนและนโยบายปรับลดกำลังการผลิต คือสองตัวแปรหลักในการนำทางราคาน้ำมันฝ่าฟันเส้นทางที่เขาเรียกว่า “ซอกซอยแห่งไวรัส” ไปจนถึงจุดที่มีการฟื้นตัวเกิดขึ้นในปี 2021
ปัจจุบันราคาน้ำมันอยู่บนเส้นทางของแนวโน้มในทิศทางบวกเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 53.08 ดอลลาร์ระหว่างเวลาทำการของตลาดเอเชีย ซึ่งขยับขึ้นจากตัวเลข 48 ดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนธ.ค.
ในขณะเดียวกับที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็เพิ่มขึ้นจาก 51 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 55.69 ดอลลาร์ โดย OPEC ได้คาดหมายถึงปริมาณความต้องการน้ำมันในปีนี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 5.9 ล้าน bpd มาอยู่ที่อัตราเฉลี่ย 95.9 ล้าน bpd ซึ่งเป็นผลประเมินที่คงที่จากเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
เยอร์กิน ยังกล่าวถึงอุตสาหกรรม shale oil ในสหรัฐฯว่า ได้เดินทางมาถึงช่วงเวลาของการปฏิวัติรอบที่ 2 ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนกลับมาให้กับนักลงทุนได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยมีข้อแม้ว่าไม่มีสถานการณ์ที่น่าหนักใจเกี่ยวกับปัญหาเชื้อไวรัสหลงเหลืออยู่
อย่างไรก็ตามความเห็นของ เยอร์กิน ในเรื่องนี้อาจจะเจอปัญหาติดขัดจากนโยบายของ ไบเดน โดยเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา รมว.พลังงานของสหรัฐฯได้กล่าวเตือนไปยังกลุ่มบริษัทผู้ผลิต shale oil ถึงนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดของคณะรัฐบาลชุดใหม่
ไบเดน อาจจะไม่ถึงขั้นสั่งแบนการเจาะชั้นหินด้วยแรงดันน้ำ ซึ่งเป็นกระบวนการสกัดเอา shale oil ตามขั้นตอนการผลิต แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเขาอาจมุ่งเป้าไปที่การบีบคั้นอุตสาหกรรมนี้ผ่านทางกฎระเบียบต่าง ๆ แทน
References :