จากการที่กลุ่มชาติพันธมิตรตะวันตกยกระดับมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย จากการบุกรุกเข้าไปในยูเครนขึ้นเรื่อย ๆ ได้ทำให้ Goldman Sachs ปรับผลทำนายราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นโดยมองไปถึงปัญหาในระบบซัพพลายเชนและอัตราเงินเฟ้อ
GS ชี้ไปถึงสินค้าโภคภัณฑ์ที่น่าจับตามองอย่างน้ำมัน, แก๊สธรรมชาติ, อะลูมิเนียม, แพลเลเดียม, นิกเกิล, ข้าวสาลี และข้าวโพด ซึ่งรัสเซียอยู่ในฐานะของผู้ผลิตรายใหญ่ ในขณะที่ทองคำกับบทบาทสินทรัพย์ปลอดภัยก็อยู่ในข่ายแนวโน้มของราคาที่จะสูงขึ้น
สถาบันการเงินระดับโลกกล่าวว่า ความขัดแย้งที่ขยายตัวขึ้นล่าสุดทำให้เกิดความเสี่ยงที่ชัดเจนต่อเศรษฐกิจในวงกว้างด้วยแรงหนุนจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของพวกเขาในเรื่องราคาทองคำที่จะสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าด้วยราคาเป้าหมายที่ $2,150
จากปฏิกิริยาเพิ่มเติมของมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ราคาทองคำขยับขึ้นไปถึง $1,916 เมื่อวานนี้ก่อนจะลดระดับลงมาในภายหลัง แต่ราคาทองคำก็ยังมีภาพรวมของความเคลื่อนไหวที่ดูดีสุดตลอดเดือนก.พ.ที่ผ่านมานับตั้งแต่พ.ค.ปีก่อน
GS อธิบายว่า ทองคำจะมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งนี้ เนื่องจากรัสเซียจะหันไปหาโลหะมีค่าเพื่อใช้ประโยชน์ท่ามกลางการคว่ำบาตรที่ถาโถมเข้ามา ซึ่งจากข้อมูลของสภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า รัสเซียมีทองคำสำรองอยู่รวม 2,298.53 ตัน
บทบาทเฉพาะของทองคำในฐานะทางเลือกสุดท้ายน่าจะปรากฏชัดเจนขึ้น หากธนาคารกลางรัสเซียมีปัญหาในการเข้าถึงเงินสำรองนอกประเทศ จนทำให้ต้องใช้ประโยชน์จากทองคำสำรองอันมหาศาลที่มีอยู่เพื่อดำเนินการค้าระหว่างประเทศต่อไปโดยเฉพาะกับจีน
GS ยังยกระดับคำทำนายราคาซื้อขายน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้า 1 เดือนขึ้นจากเดิมที่ $95 ต่อบาร์เรลไปเป็น $115 ซึ่งจากมาตรการคว่ำบาตรของฝั่งตะวันตกจึงมีความเสี่ยงในทิศทางขาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยความขัดแย้งที่อาจขยายตัวขึ้นและการติดขัดที่ยืดเยื้อออกไปอีก
จากมุมมองในระดับมหภาค GS ยังชี้ไปถึงประเด็นความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในปี 2022 ว่าอาจกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมนโยบายทั้ง 7 ครั้งที่เหลืออยู่ภายในปีนี้ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
GS ประเมินไปถึงระดับของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในสหรัฐฯว่าจะอยู่ที่ 3.7% ไปจนถึงช่วงสิ้นปีนี้ พร้อมกับการคาดหมายว่า Fed จะทำการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นถึง 7 ครั้งภายในปีนี้และอีก 4 ครั้งภายในปีหน้า
ในขณะเดียวกันบรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์และผจก.การลงทุนก็ได้ซื้อทองคำเพิ่มอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน จากการเก็งถึงแนวโน้มขาขึ้นโดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากสถานการณ์ในยูเครนและภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
คณะกรรมการควบคุมการตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ (CFTC) เปิดเผยว่า จนถึงสิ้นสุดสัปดาห์ของวันที่ 22 ก.พ.มีการเปิดสถานะซื้อในตลาดทองคำฟิวเจอร์ส COMEX เพิ่มขึ้นอีก 31,826 สัญญาจนกลายเป็น 183,356 สัญญา
ในทางตรงกันข้ามกลับมีการเปิดขายเพิ่มขึ้นเพียง 556 สัญญาจนกลายเป็น 44,380 สัญญา โดยสรุปคือมีสถานะซื้อทองคำสุทธิอยู่ที่ 138,976 สัญญา และกลายเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาด้วยอัตราการซื้อที่สูงขึ้นถึง 29% จากสัปดาห์ก่อน
References :
