หลังรับบทบาทเป็นตัวรองเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น ๆ ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปีนี้ ทองคำกำลังกลับคืนสู่เส้นทางไปยังสถิติสูงสุดที่เคยสร้างไว้ที่ระดับเกินกว่า $2,000 ตามความเห็นของ วอร์เรน เวนเคทัส นักวิเคราะห์จากบริษัท DailyFX
มีความแตกต่างที่ดีระหว่างมูลค่าที่ควรจะเป็นและราคาในปัจจุบันของทองคำ หลังจากที่ตลาดเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเดือนธ.ค. และยังมองว่าอัตราดอกเบี้ยและการจ้างงานอยู่ในระดับที่เหมาะสม
เวนเคทัส กล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อคือประเด็นหลักสำหรับเขา โดยอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์มีโอกาสไปไกลเกินกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และทำให้เขามองตลาดเป็นขาขึ้นอย่างเต็มตัว ณ จุดนี้
นอกจากนี้ในทางเทคนิค ทองคำยังอยู่ในสถานะที่เหมาะสมสำหรับการเป็นขาขึ้น โดยชี้ไปถึงภาวะเงินเฟ้ออันร้อนแรงและยืดเยื้อกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งจะกลายเป็นแรงผลักดันให้ราคาของมันถีบตัวสูงขึ้น
เวนเคทัส คาดการณ์ว่าผลกระทบในรอบที่ 2 ของดัชนีราคาที่สูงขึ้นจะคงอยู่ไปจนถึงช่วง 6 เดือนหลังของปี 2022 อัตราเงินเฟ้อจะยังลอยตัวอยู่ประมาณนี้ไปอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยที่มันยังคงเป็นภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราวแต่จะคงอยู่นานกว่าที่เคยมีการประเมินเอาไว้
เขายังมองว่าโอกาสในการขยับขึ้นไปทดสอบจุดพีคในปี 2020 ที่ระดับสูงว่า $2,000 ยังมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า เพราะหลังจากตกเป็นรองสินทรัพย์โภคภัณฑ์อื่น ๆ มาเป็นเวลานาน มีหลายปัจจัยที่จะทำให้ราคาของมันไปได้ไกลกว่านี้
หนึ่งในคู่แข่งสำคัญของทองคำในมุมมองของเขาก็คือ Bitcoin เนื่องจากผู้คนพากันหันเหไปยังคริปโทเคอร์เรนซีในฐานะตัวลดความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อแทนที่ทองคำ ในขณะที่สินทรัพย์ปลอดภัยยังดูด้อยค่าลงไปหลังจากเคสผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกลดลง
ภายในสิ้นปีนี้นักวิเคราะห์ของ DailyFX มองราคาทองคำว่าน่าจะไปอยู่ที่ระดับ $1,916 และจนถึงขณะนี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ก็ยังคงโน้มน้าวตลาดว่าธนาคารกลางยังคงมีความอดทนในการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น
Fed ยังมองไปถึงสถานะของตลาดแรงงานว่าเป็นสิ่งสำคัญกว่าการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ แต่บ่อยครั้งที่ตลาดมักจะมีปฏิกิริยาโอเวอร์แอคติ้งกับข้อมูลที่ออกมา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ความคาดหวังของการปรับอัตราดอกเบี้ยจะวนเวียนกลับมาอีกครั้ง
เวนเคทัส กล่าวย้ำว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ออกมา ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผลการประชุมนโยบายของ Fed ในเดือนธ.ค. รวมถึงสถานะของอัตราเงินเฟ้อและตัวเลขการจ้างงานจะกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญ
ในขณะที่การประชุมในเดือนธ.ค.ยังจะมีการเปิดเผย Dot Plot ที่เป็นวิธีการสื่อสารถึงแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed และมุมมองล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งน่าจะทำให้มองเห็นสถานการณ์ของเศรษฐศาสตร์มหภาคได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เวนเคทัส กล่าวทิ้งท้ายว่า ยิ่งอัตราเงินเฟ้อคงอยู่ในระดับสูงนานเท่าใดก็ยิ่งทำให้ราคาทองคำขยับสูงขึ้นตามเท่านั้น เพราะจากอดีตที่ผ่านมาทองคำมักจะเฉิดฉายเต็มที่ในยามที่ภาวะเงินเฟ้อเกิดขึ้นในลักษณะที่ยืดเยื้อไม่เหมือนกับกรณีที่เกิดขึ้นเพียงช่วงขณะ
References :