รู้หรือไม่ – จากรายงานการสำรวจในปี 2018 เม็กซิโกเป็นประเทศที่มีการผลิตแร่เงินออกมามากที่สุดของโลก
แม้จะถูกมองข้ามจากนักลงทุนที่มักให้ความสนใจแต่กับทองคำ แต่ราคาของโลหะเงินมีการทะยานขึ้นกว่า 70% ภายในปีก่อนหน้านี้ ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังมองว่าแนวโน้มขาขึ้นของมันจะยังเดินหน้าต่อไปหลังการรีสตาร์ทระบบเศรษฐกิจทั่วโลก
ราคาของโลหะเงินวนเวียนอยู่แถวระดับ $27 ต่อออนซ์ในวันนี้ คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 74% จาก 1 ปีที่ผ่านมาด้วยราคาประมาณ $15.5 ต่อออนซ์โดยเปรียบเทียบกับราคาทองคำที่ขยับตัวขึ้นเพียง 6.4% จากเมื่อ 12 เดือนก่อน
ด้วยคุณสมบัติการนำไฟฟ้าและความทนทานทางไฟฟ้าในระดับสูง จึงทำให้มันถูกใช้ในอุตสาหกรรมและอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่, โทรศัพท์มือถือ, รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิด
นักเศรษฐศาสตร์จาก Saxo Bank เปิดเผยข้อมูลว่าปริมาณความต้องการโลหะเงินมาจากอุตสาหกรรมและการลงทุนอย่างละครึ่ง ซึ่งจากการถูกใช้งานในด้านอุตสาหกรรมก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้มูลค่าของมันขยับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ยังมีปัจจัยเสริมอื่นที่ทำให้ราคาของโลหะเงินทะยานขึ้น นั่นคือการเปลี่ยนผ่านยุคไปสู่เทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งจะมีส่วนให้อุปสงค์ของโลหะอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เงินซึ่งถูกใช้ในการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ขยับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
ในขณะที่งบอัดฉีดมหาศาลจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดช่วงปีที่ผ่านมามีส่วนสร้างความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ แนวโน้มของราคาทองคำที่มีสถานะเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อและการด้อยค่าของดอลลาร์จึงมีสูงขึ้น
หากราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อไร ราคาของโลหะเงินก็น่าจะพุ่งไปได้ไกลยิ่งกว่านั้น ซึ่งนักลงทุนโลหะเงินส่วนใหญ่อาจกำลังจับตามองแนวโน้มราคาของทองคำ รวมถึงสถานการณ์ของดอลลาร์และระดับอัตราดอกเบี้ย
นอกจากอัตราเงินเฟ้อที่ดูจะเป็นปัจจัยเสริมให้กับราคาของโลหะมีค่า นักลงทุนส่วนใหญ่จะยังเฝ้าติตตามการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งมีเป้าหมายในการรักษาดัชนีราคาให้อยู่ภายใต้การควบคุม
ผอ.ศูนย์วิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ Citigroup ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ราคาโลหะเงินได้รับผลประโยชน์จากปริมาณความต้องการของนักลงทุนระหว่างช่วงภาวะวิกฤต และยังมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปอีก
ภาวะวิกฤตจากโรคระบาดส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของสหรัฐฯลดลง และทำให้ผู้คนถ่ายเททรัพย์สินและการลงทุนไปที่ทองคำและเงิน ซึ่งถือเป็นการชดเชยการอ่อนตัวลงของการบริโภคในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างเกินพอ
อย่างไรก็ตามจากการระบาดของ COVID-19 ในระลอกที่ 3 ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ก็อาจส่งผลต่อการอ่อนตัวของภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง จนทำให้โอกาสในการทะยานขึ้นอย่างหวือหวาของราคาโลหะเงินสูญหายไปภายในช่วงเวลานี้
แต่แนวโน้มขาขึ้นจะยังคงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ทั่วโลกยังคงกังวลถึงผลกระทบจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่และปัญหาที่เกิดกับอุตสาหกรรมการบริการ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงอยู่ในระดับต่ำและรักษาความต้องการของนักลงทุนไว้ในระดับสูงต่อไป
References :