มุมมองเกี่ยวกับทองคำในปี 2022 กำลังฉายแววให้เห็นถึงความสดใส ด้วยสภาพแวดล้อมอันเอื้ออำนวยที่จะเกิดขึ้นภายในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ตามความเห็นของ TD Securities ธุรกิจด้านการเงินชื่อดังจากแคนาดา
นักวิเคราะห์จาก TD Securities ให้ความเห็นว่า ทองคำอาจขยับตัวขึ้นไปจนถึงระดับ $1,900 ระหว่าง 6 เดือนแรกของปีหน้า จากการที่ตลาดจะคอยโฟกัสไปที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ และความเสี่ยงทางการเมือง
ความเสี่ยงทางการเมืองที่เชื่อมโยงไปถึงการเลือกตั้งกลางสมัยในสหรัฐฯ, สถานะทางการคลัง, ความแน่วแน่ในการซื้อทองคำของธนาคารกลาง, อัตราการเติบโตของสหรัฐฯ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกต่างจะเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับทองคำ
แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงซึ่งถูกผลักดันโดยการพัฒนาของอัตราเงินเฟ้อ, สัญญาณจากนโยบายของ Fed และอัตราดอกเบี้ย ล้วนเป็นตัวนำไปสู่การสวิงของราคาทองคำ จนทำให้นักลงทุนต่างโน้มเอียงไปยังทิศทางการขายภายในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปีนี้
หนึ่งในแรงผลักดันด้านบวกต่อทองคำที่ตลาดยังคงมองข้ามในเวลานี้ คือความไม่เต็มใจของ Fed ในการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในช่วงกลางปีหน้า โดย FedWatch Tool ของ CME Group ชี้โอกาสของการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย. 2022 ที่ 45%
จากข้อมูลของเศรษฐกิจที่ดูยังไม่เข้มแข็งนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และสายตาที่จับจ้องไปถึงการจ้างงานอย่างเต็มรูปแบบของ Fed รวมถึงมุมมองที่ค่อนข้างผ่อนคลายเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ จะเป็นปัจจัยที่ยับยั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายให้รัดกุมขึ้นแต่เนิ่น ๆ
ด้วยสถานการณ์เหล่านี้น่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงอยู่ในระดับต่ำและกลายเป็นแรงหนุนให้กับการซื้อทองคำในปีหน้า โดย TD Securities มองราคาเฉลี่ยที่ $1,875 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงจนเหลือ $1,750 ในไตรมาสที่ 4
เช่นเดียวกับมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทค้าปลีกโลหะมีค่า Degussa ที่มองว่า ทองคำและเงินจะเป็นสินทรัพย์ที่ดึงดูดนักลงทุนในการใช้เป็นเครื่องมือคุ้มครองความมั่นคั่งและอำนาจซื้อ ท่ามกลางความผันแปรของอัตราเงินเฟ้อ
จากรายงานวิจัยตลาดล่าสุดของ Degussa เปิดเผยว่า ไม่เพียงแต่ดัชนีราคาผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นจนกลายเป็นสถิติในรอบหลายทศวรรษทั่วโลก แต่จากข้อมูลการเติบโตของเศรษฐกิจยังชี้ไปถึงแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่จะสูงขึ้นภายในปีถัด ๆ ไป
โดยเฉพาะในภาคส่วนของตลาดที่อยู่อาศัยที่ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดการรักษาระดับของภาวะเงินเฟ้อในภาพรวมที่ดี เมื่อราคาบ้านในสหรัฐฯและเยอรมนีในปีนี้ทะยานขึ้นถึงราว 20% และ 13% ตามลำดับ
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว เจ้าของสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นจะยังสุขสบายดี ในขณะที่ผู้ที่ถือเงินสดจะรู้สึกตรงกันข้ามเพราะพวกเขาจะซื้อสิ่งของต่าง ๆ ได้ลดลงจากเงินที่มีอยู่ และนั่นก็จะทำให้นักลงทุนเริ่มมองหาโลหะมีค่าเอามาไว้ในพอร์ตของตัวเอง
ในระยะยาวแล้วการถือครองทองคำหรือเงินในพอร์ตการลงทุนน่าจะเป็นสิ่งที่คุ้มค่า โดยเฉพาะการเข้าซื้อในราคาปัจจุบันที่ถือว่าค่อนข้างถูก โดยที่นักลงทุนสามารถคาดหวังได้ทั้งปัจจัยในด้านการลดความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะกลับคืนมา
References :