รู้หรือไม่ – ธนาคารกลางออสเตรเลียพึ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ 0.1% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา
เดือนพ.ย.สำหรับนักลงทุนในปีนี้เริ่มต้นด้วยการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯที่ถูกจับตามองมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ และประกาศล็อคดาวน์เพื่อควบคุมโรค COVID-19 ทั่วทั้งยุโรป ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางหลายแห่ง
ในขณะที่เงินดอลลาร์มีการแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ อย่างยูโรและเยน แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะยืนยันถึงแนวโน้มในแง่บวกของพฤติกรรมราคาเหล่านั้นว่าจะสะท้อนไปถึงผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.นี้
ในช่วงเวลาแบบนี้มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ย้อนกลับไปนึกถึงเหตุการณ์เลือกตั้งในปี 2000 ระหว่าง จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และ อัล กอร์ ที่กว่าจะรู้ผลก็ต้องลากยาวไปจนถึงวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งในครั้งนั้นมีการนับคะแนนใหม่เกิดขึ้นเฉพาะแค่ในรัฐฟลอริดา
แต่ในปีนี้มีการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์ทั้งในรัฐเพนซิลเวเนีย, นอร์ทแคโรไลนา และวิสคอนซิน โดยมีรายงานล่าสุดที่ชี้ว่า ชาวอเมริกันกว่า 96 ล้านคนได้ออกไปเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วในบางรัฐ
แต่สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือความผันผวนในตลาดการเงินเป็นระยะเวลา 48 ถึง 72 ชม. โดยจากโพลในปี 2016 ที่ชี้ว่า ฮิลลารี คลินตัน จะเป็นฝ่ายชนะแต่เมื่อผลลัพธ์ปรากฏออกมาตรงกันข้ามก็ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดหุ้นอย่างเต็มที่
ภายหลังการพลิกกลับมาเอาชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในคราวนั้นก็ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 750 จุดในช่วงท้ายของวันจนกระทั่งเวลาประมาณตี 4 ครึ่งตามเวลาท้องถิ่น ก่อนจะทะยานขึ้นจนกลายเป็นสถิติสูงสุดในวันต่อมา
ในส่วนของตลาด Forex มีการขยับขึ้น 300 pips ของคู่เงิน EUR/USD จาก 1.10 ไปยัง 1.13 ในคืนเลือกตั้งก่อนจะย้อนกลับทิศลงไปเกือบถึง 1.09 ในคืนวันต่อมา เช่นเดียว USD/JPY ที่ร่วงจาก 105.47 ลงมาที่ 101.20 ก่อนจะพุ่งขึ้นเกือบถึง 106 ในภายหลัง
ตามปกติที่ช่วงต้นต้นเดือนมักจะเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย แต่จากที่การเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในรอบหลายปี ก็ทำให้การประกาศนโยบายของธนาคารกลางต่าง ๆ ต้องถอยกลับไปรับบทพระรองในตอนนี้
และก็เป็นไปตามที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์เอาไว้ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในวันนี้ ท่ามกลางรายงานข้อมูลด้านเศรษฐกิจของประเทศที่ออกมาไม่เลวร้ายมากนัก
กิจกรรมด้านการผลิตของออสเตรเลียมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในเดือนต.ค. ในขณะที่การขออนุญาตก่อสร้างและการประกาศจ้างงานก็เพิ่มสูงขึ้น ภายหลังสิ้นสุดการประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมปัญหาเชื้อไวรัสที่ลากยาวมาเป็นเวลานานถึง 2 เดือน
อย่างไรก็ตามจากความขัดแย้งทางการค้ากับจีนที่สูงขึ้น จนส่งผลให้แบนการนำเข้าไม้, ข้าวบาร์เลย์, ทองแดง, กุ้งลอบสเตอร์, น้ำตาล และอื่น ๆ จากออสเตรเลีย ก็ทำให้ RBA จำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศอีกแรงหนึ่ง
ในขณะเดียวกันธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ก็ถูกคาดหมายว่าจะออกนโยบายกระตุ้นด้านการเงินเพิ่มเติมภายในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่น่าจะมีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากธนาคารกลางของสหรัฐฯ (Fed) ในช่วงนี้
References :