Search

ราคาทองคำวันนี้ ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

ประจำวันที่ 00 x.x. 00
ครั้งที่ 0

ราคาทองคำแท่ง 96.5%

ราคาเปิดราคาล่าสุดเปลี่ยนแปลง
00,00000,000
0
(0)
หน่วย THB บาทอัปเดตล่าสุด 00 x.x. 00 เวลา 00:00 น.

ทองรูปพรรณ 96.5%

ราคาเปิดราคาล่าสุดเปลี่ยนแปลง
00,00000,000
0
(0)
หน่วย THB บาทอัปเดตล่าสุด 00 x.x. 00 เวลา 00:00 น.
ดูราคาทองเพิ่มเติม

สิ่งที่คุณอาจสนใจ

[widget_lastupdate_spdr]

โบรกเกอร์ที่แนะนำ

Recommend Broker

จะเกิดอะไรขึ้นกับทั่วโลกหากสหรัฐฯแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย?

จากความเป็นไปได้ของสหรัฐฯที่จะแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ได้กลายเป็นตัวจุดชนวนให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นไปใกล้ระดับ $140 ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008

รัสเซียคือหนึ่งในหนึ่งผู้ส่งออกน้ำมันดิบและผู้ผลิตลำดับต้น ๆ ของโลกที่คิดเป็นตัวเลขประมาณ 7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) หรือ 7% ของการจัดหาทั่วโลก และด้วยความเคลื่อนไหวดังกล่าวก็อาจทำให้เกิดผลที่ตามมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างแรกคงหนีไม่พ้นราคาน้ำมันที่สูงอยู่แล้วจะยิ่งทะยานเสียดฟ้าขึ้นไปอีก โดย JP Morgan คาดการณ์ว่าราคาอาจพุ่งขึ้นไปจนถึง $185 ต่อบาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้ หากปัญหาการการส่งออกน้ำมันของรัสเซียยังยืดเยื้อไปจนถึงเวลานั้น

ในขณะที่นักวิเคราะห์ผู้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจของ Reuters ส่วนใหญ่มองว่า ราคาเฉลี่ยของน้ำมันในปีนี้จะอยู่ที่ $100 ซึ่งหนสุดท้ายที่ราคาน้ำมันลอยอยู่เหนือระดับ $100 ต้องย้อนกลับไปในปี 2014 และจุดพีคของเมื่อวานนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากราคาสูงสุดตลอดกาลที่ $147 ในปี 2008

เช่นเดียวกับราคาแก๊สธรรมชาติที่พึ่งสร้างสถิติสูงสุดขึ้นมาใหม่ โดยต้นทุนของพลังงานที่สูงขึ้นกำลังถูกคาดหมายว่าจะเป็นแรงผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นสูงกว่า 7% ในภูมิภาคทั้ง 2 ฟากฝั่งของแอตแลนติกภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

โดยหลักการง่าย ๆ ทุก 10% ของราคาน้ำมันในเรตเงินยูโรที่สูงขึ้นจะขยับอัตราเงินเฟ้อในเขตยูโรโซนขึ้น 0.1-0.2 หน่วย % และหากนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.เป็นต้นมา ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็มีการขยับตัวขึ้นประมาณ 80% ตามอัตราของเงินยูโร

ในขณะที่การขยับขึ้นของราคาน้ำมันทุก ๆ $10 ต่อบาร์เรลในสหรัฐฯก็จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น 0.2 หน่วย % แต่นอกเหนือไปจากน้ำมันและแก๊สรัสเซียยังเป็นผู้ส่งออกธัญพืชและปุ๋ยรายใหญ่ของโลก เคียงข้างกับถ่านหิน, เหล็กกล้า, แพลเลเดียม และนิกเกิล

จากผลการประเมินเบื้องต้นโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า ในกรณีพื้นฐานสงครามในยูเครนอาจลดอัตราการเติบโตของเขตยูโรโซนลงไป 0.3-0.4 หน่วย % ในปีนี้ และอาจสูงถึง 1 หน่วย % ในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายสุด

ในส่วนมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นปัญหาใหญ่เพียงใด และ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ก็ได้กล่าวไว้ว่าจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นภายในเดือนนี้

ด้วยปริมาณความต้องการของเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สูงขึ้นหลังการฟื้นตัวจากวิกฤต COVID-19 แต่การจัดหาทั่วโลกยังเป็นไปอย่างตึงตัว ก็ทำให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายต้องเผชิญกับแรงกดดันในการเพิ่มการจัดหา แม้จะต้องสวนทางกับคำปฏิญาณเกี่ยวกับพลังงานสีเขียว

ในขณะที่การพูดคุยเพื่อปลดล็อกอิหร่านจากมาตรการคว่ำบาตรของนานาประเทศกำลังอยู่ในระยะที่มีความคืบหน้า เช่นเดียวกับแรงกดดันของราคาที่ทำให้มีการลงทุนเพิ่มในส่วนอุตสาหกรรม Shale oil ในสหรัฐฯ แต่ก็คงไม่สามารถทดแทนผลผลิตจากรัสเซียได้ในเร็ววันนี้

นักวิเคราะห์จาก BlueBay Asset Management กล่าวว่า ด้วยผลกระทบอันมหาศาลที่เกิดขึ้น จึงไม่มีทางที่จะชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปภายในช่วงเวลาระยะกลาง มันอาจมีผลเพียงแค่แบ่งเบาดัชนีราคาที่สูงขึ้นสำหรับผลผลิตเหล่านี้หรือกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

 

References :

https://www.reuters.com/markets/europe/what-would-us-ban-russian-oil-mean-world-2022-03-07/