รู้หรือไม่ – มีชาวอเมริกันกว่า 73 ล้านคนทั่วประเทศที่รับชมการดีเบตระหว่าง ทรัมป์ และ ไบเดน เมื่อเช้าวานนี้
กลุ่มสปอนเซอร์ที่จัดงานดีเบตระหว่าง ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯและอดีตรองปธน. โจ ไบเดน ได้ให้คำมั่นว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในการขึ้นเวทีรอบหน้า จากการกระทำที่คอยขัดขวาง ไบเดน และผู้ดำเนินรายการอยู่เป็นระยะของ ทรัมป์
การเผชิญหน้ากันบนเวทีตลอด 90 นาทีก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อการแสดงออกของ ทรัมป์ ที่มีต่อ ไบเดน ทั้งการใช้พฤติกรรมระรานและคอยตั้งคำถามย้ำถึงสติปัญญาของคู่แข่ง ในขณะที่ ไบเดน ก็สวนกลับไปว่า ทรัมป์ เป็นปธน.ที่เหยียดผิว, โป้ปด และเลวร้ายสุดเท่าที่เคยมีมา
ทางคณะกรรมการควบคุมได้กล่าวไว้ว่า อาจมีการปรับเปลี่ยนแนวทางเพื่อให้การอภิปรายเป็นไปอย่างมีระเบียบแบบแผนมากขึ้นระหว่างการดีเบตครั้งถัดไป ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ปุ่มปิดไมโครโฟนเข้ามาช่วย
ทีมงานหาเสียงของ ทรัมป์ ได้กล่าวโทษทีมผู้จัดงานถึงการปรับเปลี่ยนกฎกติการะหว่างเกม ในขณะที่ ทรัมป์ ก็วิจารณ์ คริส วอลเลซ ผู้สื่อข่าวของ Fox News ที่ทำหน้าที่ดำเนินรายการ ว่าเสียเวลามากเกินไปกับการพยายามดูแลความเรียบร้อยระหว่างการโต้วาที
ทาง ไบเดน ได้กล่าวไว้เมื่อวานนี้ว่า เขาหวังว่าผู้จัดงานในครั้งหน้าจะสามารถปิดเสียงไมค์ของฝ่ายที่ไม่ได้กำลังอภิปรายอยู่ พร้อมกับชี้ไปถึงพฤติกรรมของ ทรัมป์ ว่า ถือเป็นความอับอายของประเทศ
แคมเปญหาเสียงของ ไบเดน สามารถระดมทุนได้มากถึง 10 ล้านดอลลาร์ระหว่างการดีเบต จากการเปิดเผยของฝ่ายที่ปรึกษาของเขาที่ยังเสริมอีกว่า มันเป็นข้อได้เปรียบของพรรคเดโมแครตในขณะที่ยังเหลือเวลาอีก 5 สัปดาห์ก่อนถึงการเลือกตั้ง
ไบเดน ที่ครองคะแนนความนิยมสูงกว่าจากผลสำรวจหลายสำนักมาตลอดระยะเวลาหลายเดือน ยังคงเดินหน้าหาเสียงอย่างต่อเนื่องในรัฐโอไฮโอและเพนซิลเวเนีย โดยเน้นประเด็นไปที่การโจมตีแนวทางการรับมือปัญหาโรคระบาดของ ทรัมป์
ระหว่างการหาเสียงที่เมืองอัลลิอันซ์ในรัฐโอไฮโอ ไบเดน ได้กล่าวกระตุ้นชาวอเมริกันที่มาร่วมฟังว่าให้เทคะแนนเสียงให้กับเขา เพื่อปิดโอกาสที่ ทรัมป์ จะหาหนทางเกาะติดอยู่ในทำเนียบขาวหากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง
เนื่องจากบนเวที ทรัมป์ ก็ไม่ได้รับปากว่าจะยอมรับผลการโหวต และยังยืนยันที่จะปรักปรำไปถึงการใช้วิธีเลือกตั้งผ่านทางไปรษณีย์เพิ่มขึ้นเนื่องจากปัญหาของโรค COVID-19 ว่า เป็นการเพิ่มโอกาสของการทุจริตในการลงคะแนนเสียง
ในขณะที่ ไบเดน ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ในงานแคมเปญหาเสียงว่า “ปธน.จะต้องก้าวลงจากตำแหน่ง ไม่มีชาวอเมริกันคนไหนที่รับได้กับเรื่องนี้ และไม่มีหน่วยงานไหนที่จะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
การดีเบตครั้งถัดไประหว่างสองตัวแทนจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะมีขึ้นในวันที่ 15 ต.ค.ที่รัฐไมอามี โดยมี สตีฟ สกัลลี บรรณาธิการฝ่ายการเมืองของสถานีเคเบิล C-SPAN มาเป็นผู้ดำเนินรายการ
ส่วนการดีเบตรอบที่สามจะถูกจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเบลมอนต์ในเมืองแนชวิลล์ของรัฐเทนเนสซี และจะได้ คริสเทน เวลเกอร์ ผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ NBC News เข้ามาเป็นสื่อกลางในการโต้วาที
ในขณะที่การเผชิญหน้ากันครั้งแรกและครั้งเดียวของสองผู้ท้าชิงตำแหน่งรองปธน.อย่าง ไมค์ เพนซ์ และ คามาลา แฮร์ริส จะมีขึ้นในวันที่ 7 ต.ค.ในเมืองซอลต์เลกซิตีของรัฐยูทาห์ โดยมี ซูซาน เพจ หัวหน้าฝ่ายข่าวของนสพ. USA Today มาช่วยดำเนินรายการ
References :
https://www.cnbc.com/2020/09/30/next-trump-biden-debate-will-see-format-changes-after-criticism.html