อัปเดตสรุปรวมข่าวประจำวัน:
วันที่ 13 สิงหาคม 2563
📌ประเด็นสำคัญที่น่าติดตาม📌
📌 เยอรมนีเผยเงินเฟ้อลดลง 0.1% ในเดือนกรกฎาคม
📌 ทรัมป์ขู่ หากไบเดนได้รับเลือก ประเทศจะเผชิญกับความตกต่ำ
📌 ปักกิ่งหวังว่าสหรัฐฯ จะยุติข้อจำกัดกับบริษัทของจีน
📌 เงินพุ่งสูงกว่า 4% เนื่องจากการร่วงของสกุลเงินดอลลาร์
📌 ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงเวลาของความผันผวน
USD ➡
◯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาให้สัมภาษณ์กับ Fox Business ว่า ประเทศจะเผชิญกับความตกต่ำอย่างที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน หากโจ ไบเดนได้รับเลือกให้เข้าสู่ทำเนียบขาว โดยมีแฮร์ริสเป็นรองประธานาธิบดี ทรัมป์อ้างว่า การบริหารงานของเขาได้สร้างเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐฯเคยมี และไบเดนจะไม่เป็นหนึ่งในปัจจัยในการขัดขวางความเจริญของประเทศในการเลือกตั้งที่กำลังมาถึง
EUR ➡
◯ Ifo คาดว่าบริษัทในภาคบริการนั้นมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าที่สุด อาจเข้าสู่ภาวะปกติได้ในอีก 11.7 เดือนข้างหน้า ในขณะที่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีแนวโน้มที่จะกลับสู่ภาวะปกติใน 11.1 เดือน และกลุ่มธุรกิจการค้าปลีก รวมถึงภาคการผลิตจะกลับสู่ภาวะปกติใน 10.3 และ 10.1 เดือนตามลำดับ
◯ ราคาสินค้าลดลง 1.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาพลังงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 6.7% และราคาอาหารเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาน้ำมันลดลง 31.3% และราคาเชื้อเพลิงรถยนต์ลดลง 12.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี อย่างไรก็ตาม ราคาผลไม้เพิ่มขึ้น 7.8% และราคาผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น 5.4%
GBP ➡
◯ จากการประเมินเบื้องต้น สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในเดือนกันยายน และเราจะดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้หากทำได้” Frost เขียนบน Twitter เขาเสริมว่าสหราชอาณาจักรไม่ได้มองหาข้อตกลงพิเศษ แต่เราไม่ได้มองหา สิ่งที่คุกคามความสมบูรณ์ของตลาด ร่วมกันกับสหภาพยุโรป
CNY➡
◯ ปักกิ่งแสดงความหวัง ว่าสหรัฐฯจะยุติข้อจำกัดทั้งหมด ต่อบริษัทจากจีนในประเทศอเมริกา ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ Li Chenggang ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ เขาเสริมว่า มาตรการควบคุมการส่งออก ที่สหรัฐฯใช้ควบคุมบริษัทจีน ทำให้ซื้อสินค้าจากสหรัฐฯได้น้อยลง และเรียกร้องให้วอชิงตัน สร้างเงื่อนไขข้อตกลงการค้าระยะที่หนึ่ง ระหว่างสองประเทศเพื่อให้สามารถทำธุรกิจต่อกันได้อย่างราบรื่น
◯ กองทัพจีนเผยว่า การฝึกซ้อมทางทหารใกล้กับชายแดนไต้หวันเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นเรื่องที่จำเป็นในการดำเนินการ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากไต้หวันระบุเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า กองทัพอากาศได้ขับไล่เครื่องบินรบของจีนที่เข้ามาในน่านฟ้า
GOLD ➡
◯ เงินเพิ่มขึ้น 4.02% เมื่อเวลา 7:17 น. ET ซื้อขายที่ 27.04 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่ทองคำพุ่งขึ้น 0.92% เมื่อเวลา 7:23 น. ET ซื้อขายที่ 1,935.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลตตินั่มเพิ่มขึ้น 1.96% อยู่ที่ 951.57 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 1.23% อยู่ที่ 2,166.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ
◯ ราคาทองคำซื้อขายสูงขึ้น 0.2% ที่ 1,920.38 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเวลา 08:02 น. ในสิงคโปร์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาราคาลดลง 5.7% ซึ่งเป็นการสูญเสียในหนึ่งวันที่มากที่สุดในรอบ 7 ปี หลังจากปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,075.47 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่แล้ว สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเดือนธันวาคมลดลง 1% สู่ระดับ 1,930.40 ดอลลาร์ในตลาด Comex นิวยอร์ก
◯ ราคาทองคำสวิงอย่างรุนแรงในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เมื่อวันอังคารลดลงถึง5.7%% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ขณะที่เงินร่วงลง 14.95% นับเป็นการดิ่งลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 ซึ่งการลดลงของทองคำนั้น อยู่ระดับใกล้เคียงกับการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่เบื้องหลังการขึ้นลงของราคาทองคำ
◯ ทองคำปรับตัวลงต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันอังคาร ซึ่งเป็นการร่วงลงแบบผันผวนมากที่สุด เนื่องจากก่อนหน้านี้นักลงทุนหลั่งไหลเข้ามาลงทุนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นแบบสุด ๆ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ลงแบบสุด ๆ ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อวานนี้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นประมาณ 1.6% ที่ 1,954 ดอลลาร์ต่อออนซ์ การขึ้นลงของทองคำในช่วงนี้ ยังมีความผันผวนอยู่มาก