รู้หรือไม่ – จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ปฏิบัติงานอยู่ของสหรัฐฯมีตัวเลขขยับขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกันในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (OPEC) และรัสเซียทำการลดกำลังการผลิตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในปีที่ผ่านมาเพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันจากจุดต่ำสุด แต่หลังจากเวลาผ่านพ้นไปไม่ถึงปีพวกเขากลับอยู่ภายใต้แรงกดดันอีกครั้งในทิศทางที่ตรงกันข้าม
ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯทะยานขึ้นกว่า $60 ต่อบาร์เรล และเป็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเปรียบเทียบกับจุดต่ำสุดเมื่อเดือนเม.ย.ปี 2020 ที่ราคาดิ่งลงไปต่ำกว่าศูนย์เป็นครั้งแรกจนถึงขั้นติดลบ $40.32 ต่อบาร์เรล
ในขณะที่ราคาขายปลีกตามสถานีบริการน้ำมันในสหรัฐฯก็พุ่งขึ้นตามไปด้วย จากราคาเฉลี่ยทั่วประเทศที่แตะ $2.70 ต่อแกลลอนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงกว่าเมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้วถึง $1.76 ต่อแกลลอน
ทางฝั่งนักลงทุนต่างก็กำลังเดิมพันว่าภาววะวิกฤตจากโรค COVID-19 กำลังจะอยู่ภายใต้การควบคุมภายในไม่ช้านี้ ซึ่งจะนำมาสู่การปลดปล่อยปริมาณความต้องการของการเดินทางทั้งทางบก, ทะเล และอากาศ รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องใช้น้ำมัน
เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำมัน OPEC และกลุ่มชาติพันธมิตรภายใต้ชื่อ OPEC+ ได้มีแผนที่จะร่วมประชุมกันในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อใคร่ครวญถึงความจำเป็นในการเพิ่มปริมาณการซัพพลายให้กับตลาดที่กำลังมีแนวโน้มเปลี่ยนไป
ในปีที่ผ่านมา OPEC ตัดสินใจลดกำลังการผลิตลงจนกลายเป็นสถิติที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยควบคู่ไปกับมาตรการฉุกเฉินและการลดกำลังการผลิตจากสหรัฐฯและผู้ผลิตรายอื่น ๆ ที่ช่วยพยุงราคาน้ำมันเอาไว้ระหว่างช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
แต่จากการฟื้นตัวที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยหลักมาจากการพัฒนาของวัคซีน จึงทำให้มีการคาดหมายกันว่ากลุ่ม OPEC+ จะประกาศยกระดับกำลังการผลิตขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยรายงานจากแหล่งข่าวของ Reuters เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า มีความเป็นไปได้สำหรับการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 5 แสนบาร์เรลต่อวันในเดือนเม.ย.โดยที่ไม่ต้องเพิ่มปริมาณคลังสำรอง แต่ยังต้องรอการตัดสินใจขั้นสุดท้ายอีก
ยังมีเหตุผลที่ดีอีกหลายเรื่องสำหรับ OPEC+ ในการขยายกำลังการผลิต เริ่มจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ประเทศที่พึ่งพาน้ำมันในการสร้างงบดุลทางบัญชีอย่างซาอุดิอาระเบีย กลับมาแก้ไขตัวเลขของรายได้ที่หดหายไป
ลำดับถัดมาคือหาก OPEC+ ไม่เริ่มต้นขยับตัวเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นกว่านี้ ก็มีอีกหลายประเทศที่พร้อมจะเดินหน้าอยู่แล้ว ซึ่งรวมไปถึงแหล่งผลิต shale oil ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯที่ว่างเว้นจากการขุดเจาะมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง
นักวิเคราะห์จาก Bank of America ยังได้กล่าวไว้ในรายงานที่นำเสนอต่อลูกค้าล่าสุดว่า OPEC+ จะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดโดยการเพิ่มกำลังการผลิตในไม่ช้านี้ โดยคาดการณ์ถึงตัวเลขที่จะขยับขึ้นกว่า 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
นอกจากนี้หากราคาน้ำมันขยับขึ้นแตะ $3 ต่อแกลลอนหรือเกินกว่านี้ ก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในพลังงานสะอาด และยังส่งผลให้ผู้คนถอยห่างจากยานพาหนะเครื่องยนต์สันดาปภายในไปยังรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเร็วยิ่งขึ้น
References :
https://edition.cnn.com/2021/02/28/investing/gas-prices-opec-russia-stocks-week-ahead/index.html