นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทไช น่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป หลังจากตลาดหุ้นฮ่องกงสั่งระงับการซื้อขายในวันนี้ เนื่องจากบริษัทผิดนัดชําระหนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ ตลาดหุ้นยุโรป เปิดในแดนลบวันนี้ หลังปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งขึ้น และวิกฤตสภาพคล่องของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ในจีน ช่วยพยุงราคาทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นักลงทุนต่างคาดการณ์ว่าการปรับลดปริมาณการซื้อคืนสินทรัพย์ของเฟดจะเริ่มต้นเร็วที่สุดภายในเดือนหน้าและการปรับเพิ่มอัตตราดอกเบี้ยอาจจะเริ่มเร็วที่สุดในช่วงปีหน้า ประกอบกับความกังวลต่อความเสี่ยงของสภาวะเศรษฐกิจซบเซาที่อาจเกิดขึ้นทั่วโลกหากไม่มีการปรับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ
ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมที่จะมีการเผยข้อมูลออกมาในช่วงวันศุกร์ที่จะถึงนี้จะปรับตัวดีขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีก 488,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ จะเป็นบ่งบอกว่าสภาพเศรษฐกิจมีความพร้อมให้เฟดเริ่มมาตราการปรับลดการซื้อคืนสินทรัพย์ก่อนช่วงสิ้นปีนี้
นโยบายการเงินสามข้อของอเมริกาที่อาจจะเป็นแรงสนับสนุนให้ทองคำในระยะยาว
แม้ว่าในระยะสั้นผมจะไม่เชื่อว่าราคาทองคำจะกลับไปเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่ในระยะยาวผมเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรราคาทองคำก็จะปรับตัวขึ้นตามกฎอุปสงค์อุปทานกับสินทรัพย์ที่มีจำกัด นอกจากนี้ยังมีนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่อาจช่วยหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นในระยะยาวมีสามข้อดังนี้
1.) ธนาคารกลางและรัฐบาลสหรัฐฯ เสพติดสภาวะแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำไปแล้ว ที่สำคัญพวกเขามีแนวโน้มที่จะขยายเพดานหนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนี้หนี้สาธารณะของอเมริกามีมูลค่าสูงถึง $430 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และทุกๆ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25 จุดเบสิส หมายความว่ารัฐบาลจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มในการชำระหนี้สูงถึง $75,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
2.) แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะสามารถปรับนโยบายการเงินให้ตึงตัวขึ้น แต่การใช้เงินของรัฐบาลชุดนี้เรียกได้ว่ายิ่งกว่ามือเติบแล้ว ล่าสุดรัฐบาลกำลังเจรจากับสภาคองเกรสเพื่อของบอีก $3.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หากสภาฯ อนุมัติวงเงินก่อนนี้ ก็เลิกเชื่อคำพูดของประธานเฟดที่ชอบบอกว่า “เงินเฟ้อเป็นเรื่องชั่วคราว” ไปได้เลยเพราะว่า “เงินเฟ้อกำลังจะกลายเป็นเรื่องถาวร”
3.) การปรับขึ้นภาษีเพื่อเอามาทบหนี้ของรัฐบาลนั้น จำนวนเงินที่ได้มาแทบไม่มีประโยชน์อะไรกับการลดหนี้ แม้โจ ไบเดนจะสัญญาว่านโยบายทางการเงินที่เพิ่มเข้ามาจะไม่กระทบต่อระดับหนี้ที่มีอยู่ แต่ส่วนตัวแล้ว ผมมองว่านี่คือการพูดแบบไร้ความริบผิดชอบทางการเงิน ยิ่งหนี้ของอเมริกาเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ มูลค่าของดอลลาร์สหรัฐก็จะยิ่งลดลงมากเท่านั้น ราคาสินค้า อาหาร และบริการที่เพิ่มขึ้นในตอนนี้ก็เป็นหลักฐานชั้นดีที่แสดงถึงการอ่อนค่าของดอลลาร์
นี่คือเหตุผลว่าทำไมอเมริกาถึงได้กลัวสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังเบ่งบานขึ้นทุกวัน เพราะพวกเขารู้ดีว่าหนี้ที่มีอยู่นับวันยิ่งยากแก่การชำระ และต่อให้ท้ายที่สุดแล้ว โลกของสกุลเงินดิจิทัลจะล่มสลาย แต่ทองคำก็ยังคงอยู่ เมื่อไม่มีเงิน คนจะหันไปใช้อะไรได้นอกจากทองคำ (ที่มา : กลยุทธ์ทองคำที่ใช้ลงทุนในทองคำ | Andy Hecht )
อย่างไรก็ตาม ทองคําเผชิญแรงขายทํากําไรออกมา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการไล่ซื้อทองคําก่อนรู้ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐในสัปดาห์นี้
มุมมองทองคำด้วยเทคนิคเทรนไลน์ จากกราฟ 4 ชั่วโมง + RSI
ราคาทองในช่วง 3 วันที่ผ่านมาเกิดแรงซื้อขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงราคาบริเวณ $1,770 และมีแรงขายทำกำไร โดยราคาแแกว่งตัวในกรอบวันนี้ $1,750 – $1,760 หากราคาสามารถทรงตัวเหนือระดับ $1,747 – $1,750 มีมุมมองว่าอาจพักฐานหรือ Sideway เพื่อรอการประกาศตัวเลข Non-Farm ในวันศุการ์ที่จะถึงนี้ แต่หากราคาหลุดโซน $1,747 ลงมาให้ชะลอการเข้าซื้อ แล้วดูโซนแนวรับถัดไปอีกครั้ง
ส่วน RSI ในการใช้ประกอบกับเทรนไลน์ สัญญาณ RSI ยังคงอยู่เหนือ 50 อยู่ หากหลุดลุ้นสัญญาณ bullish divergence rsi อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการคาดการณ์เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่ข้อสรุปหรือการชี้นำตลาด และอาจเกิดข้อผิดพลาดได้เสมอ ดังนั้นโปรดใช้วิจารณาญของท่านในการตีความและวิเคราะห์
References :
1. https://th.investing.com/news/
2. https://th.investing.com/analysis/