ราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลงหลังจากขึ้นไปทดสอบ $1832.55 แล้วไม่ผ่าน ราคาทองคําร่วงลงกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยปัจจัยที่กดดันราคาทองคํามาจากแรงขายทํากําไร หลังจากราคาทองคําปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์จนอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป ประกอบกับดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในวันศุกร์ หลังการเปิดเผยตัวเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด อาทิ การใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐที่ เพิ่มขึ้นเกินคาด และแม้ดัชนี Core PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสําคัญจะดีดตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.6% แต่ถือเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ศ.1991 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงน้อยว่าคาดสู่ระคัน 81.2 ในเดือนก.ค. ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่าย จัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดเช่นกัน
นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากถ้อยแถลงในเชิง Hawkish หรือ ในเชิงสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินของนาย เจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดเซนต์หลุยส์ ที่ระบุว่า เฟดควรเร่งปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อให้มาตรการ QE ยุติลงในช่วงต้นปี 2022 และปูทาง ให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีดังกล่าว หากจําเป็นปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.23% ในวันศุกร์ จนกดดันให้ราคาทองคําร่วงลงกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์จาก ระดับสูงสุดบริเวณ $1,831.19 และแตะระดับต่ําสุดบริเวณ $1,809.50 ในระหว่างการซื้อขายของวันศุกร์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง
ท่ามกลางการระบาดของโควิต-19 ทั่วโลกขณะนี้มีการเร่งตัวขึ้น ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า จํานวนผู้ติด เชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 4 ล้านรายในช่วงสัปดาห์ก่อน และคาดว่า จํานวนผู้ติดเชื้อยืนยันผลสะสมทั่วโลกจะพุ่งสูงเกิน 200 ล้านรายภายใน 2 สัปดาห์ โดยผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นส่วนมากเป็นผลจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่าย และถูกตรวจพบว่าแพร่ระบาดอยู่ในประเทศต่างๆ อย่างน้อย 132 แห่งแล้ว
นอกจากนี้ ผลการศึกษาฉบับใหม่ ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐบ่งชี้ว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา สามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ ซึ่งแตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ โดย CDC เสริมว่า การค้นพบครั้งสําคัญนี้เป็นเรื่องน่ากังวล และนําไปสู่คําแนะนําให้ประชาชนกลับมาสวมหน้ากากอนามัยอีกครั้ง
ขณะที่ล่าสุด ญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินวันนี้เพื่อควบคุมการ ระบาดในหลายจังหวัด ต้านทางการจีนได้ประกาศใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดทั่วประเทศ หลังพบผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นพนักงานทําความสะอาดของสนามบินในเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้ทองคําน่าจะเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจ จึงคาดว่าการปรับตัวลงของราคาจะอยู่ในกรอบจํากัด และมีโอกาสปรับสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ดี วันนี้แนะนําติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐจากมาร์กิตและ ISM ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาทองคําค่อนข้างมาก
จากการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคเทรนไลน์ กราฟรายเดย์
ราคาทองคําไม่สามารถ Break out ผ่านแนวต้านบริเวณ $1,833 ขึ้นไปได้ จึงมีแรงขายทํากําไรระยะสั้นให้กลับลงมา เพื่อตั้งฐานราคาด้านล่างอีกครั้ง หากการปรับฐานครั้งนี้ ไม่หลุดต่ำกว่า $1,800 มีโอกาสกลับขึ้นมาทดสอบที่บริเวณ $1,820 หากสามารถผ่านแนวต้าน $1,820 ได้ ถือต่อเพื่อลุ้นทำ New High แต่หากราคาหลุดต่ำกว่า $1,800 ไม่ควรรีบเข้าซื้อแล้ว โดยให้จุดตัดขาดทุนเมื่อหลุด $1,800
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการคาดการณ์เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่ข้อสรุปหรือการชี้นำตลาด และอาจเกิดข้อผิดพลาดได้เสมอ ดังนั้นโปรดใช้วิจารณาญของท่านในการตีความและวิเคราะห์
References : https://th.investing.com/analysis/commodities
