หลังรัสเซียเข้ายึดครองโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปในยูเครน ก็ทำให้บริษัทต่างๆ และผู้กำหนดนโยบายเกิดความระแวดระวังมากขึ้น สำหรับแผนการสร้างเครื่องปฏิกรณ์เพื่อต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กองกำลังรัสเซียบุกเข้ายึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียในยูเครนได้เมื่อวันศุกร์ หลังจากการสู้รบอย่างหนักจนทำให้เกิดไฟลุกโชนขนาดใหญ่ขึ้นในอาคารฝึกของพื้นที่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะเข้าควบคุมสถานการณ์และแจ้งว่าสถานที่ดังกล่าวปลอดภัย
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่กองทหารรัสเซียเข้ายึดโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลของยูเครนที่ยังคงมีกัมมันตภาพรังสีอยู่ ทำให้เกิดสัญญาณเตือนทั่วโลกเกี่ยวกับช่องโหว่ของพลังงานนิวเคลียร์ต่อการโจมตีในช่วงสงครามที่อาจเกิดการปล่อยรังสีอันตรายออกมา
ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ ผู้แทนถาวรสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ (UN) ได้ให้ความเห็นไว้เมื่อวันศุกร์ว่า การโจมตีที่ซาปอริซเซียเป็นสิ่งที่ประมาทเลินเล่อและอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ และมันคุกคามความปลอดภัยของพลเรือนทั่วทั้งรัสเซีย, ยูเครน และยุโรป
แผนการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เพื่อช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าโดยแทบไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมา มีความรุดหน้าขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลหลายแห่งต่างให้คำมั่นในการต่อสู้กับปัญหาภาวะโลกร้อน
ในปัจจุบันมีเครื่องปฏิกรณ์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 58 เครื่อง และอยู่ระหว่างการนำเสนออีก 325 เครื่องทั่วโลก ตามรายงานของสมาคมนิวเคลียร์โลก (WNA) ซึ่งโรงไฟฟ้าที่ถูกเสนอสร้างหลายแห่งอยู่ในแถบยุโรปตะวันออก
ส่วนทางทำเนียบขาวก็ได้เปิดเผยว่าบริษัท NuScale Power ในสหรัฐฯมีแผนการร่วมกับโรมาเนียในการสร้างโรงไฟฟ้าเครื่องปฏิกรณ์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็ก (SMR) พร้อมข้อตกลงในการใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯเพื่อการเป็นผู้นำในเวทีระดับโลกสำหรับการปรับใช้ SMR
จากเมื่อเดือนก่อน NuScale ยังได้เซ็นข้อตกลงร่วมกับ KGHM บริษัทยักษ์ใหญ่ในโปแลนด์เพื่อสร้างโรงไฟฟ้า SMR ในโปแลนด์อีกแห่งภายในปี 2029 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการในความพยายามลดการพึ่งพาถ่านหิน
สถาบันคลังสมอง Third Way ผู้ให้การสนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ในสหรัฐฯกล่าวว่า ความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้โลกต้องยกระดับการใช้งานพลังงานนิวเคลียร์อย่างรวดเร็วในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า แม้ว่าจะมีความเสี่ยงก็ตาม
ประธานของ Third Way ให้ความเห็นว่า ไม่มีแหล่งพลังงานใดที่ปราศจากความเสี่ยงโดยสิ้นเชิง หากผู้นำของรัสเซียต้องการสังหารผู้คนนับไม่ถ้วนโดยการทำลายหรือโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็อาจจะกระทำได้ แต่ข้อเท็จจริงคือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความปลอดภัยในระดับสูง
ในขณะที่สถาบันพลังงานนิวเคลียร์ (NEI) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมในสหรัฐฯก็มีความเชื่อว่า เครื่องปฏิกรณ์มีความปลอดภัยสูงและการรุกรานยูเครนของรัสเซียจะเป็นเพียงแรงสนับสนุนที่ทำให้ยุโรปตระหนักถึงความจำเป็นในการขยายขีดความสามารถของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
โดยรองประธานของ NEI ให้ความเห็นว่า พวกเขาคาดหวังว่าเหตุการณ์เลวร้ายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเป็นเพียงการเพิ่มความสนใจในการทำงานร่วมกับสหรัฐฯเพื่อการนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้งานในยุคหน้า
References :