การเปิดตัวหยวนดิจิทัลแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของคริปโทเคอร์เรนซี

เงินหยวนดิจิทัลได้ฤกษ์เปิดตัวสู่เวทีระดับโลกไปแล้วตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อนด้วยการเข้าถึงผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน พร้อมกับการเดินทางเข้ามาของนักกีฬาจากต่างชาติเพื่อมาเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง

เงินหยวนดิจิทัลได้ผ่านการทดสอบใช้งานมาแล้วภายในหลายเมืองของจีน ด้วยมูลค่าของการทำธุรกรรมไปกว่า $8 พันล้านตลอดภายในช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา และกลายเป็นการจุดประกายให้กับหลาย ๆ ประเทศให้เดินหน้าพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลเป็นของตนเอง

จากข้อมูลของสถาบันคลังสมอง Atlantic Council เปิดเผยว่า เกือบ 90 ประเทศที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของตัวเลข GDP ทั่วโลกกำลังศึกษาและดำเนินการจัดตั้งเงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC)

อาจมีบางคนที่เชื่อว่า CBDC จะเข้ามาช่วยหักล้างความจำเป็นสำหรับคริปโทเคอร์เรนซีอย่าง Bitcoin แต่ในความเป็นจริงแล้วการผงาดขึ้นมาของ CBDC จะยิ่งฉายแสงความสำคัญตามหลักการ Decentralized ของเงินคริปโตซึ่งจะไม่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลขึ้นไปอีก

ในขณะที่ CBDC ของจีนช่วยนำเสนอผลประโยชน์มากมายแก่ผู้ใช้งาน เช่น ความสะดวกและประสิทธิภาพในการชำระเงิน แต่ความเป็นส่วนตัวไม่ได้เป็นหนึ่งในหัวข้อเหล่านั้น เนื่องจากมันช่วยให้รัฐบาลปักกิ่งสามารถมองเห็นการทำธุรกรรมการเงินของผู้คนได้ง่ายขึ้น

แม้จีนจะมีระบบการชำระเงินทางมือถือที่ขึ้นชื่ออย่าง WeChat Pay และ Alipay อยู่แล้ว แต่หยวนดิจิทัลจะช่วยให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยไม่ต้องร้องขอข้อมูลทางการเงินจากทั้ง 2 บริษัทที่ได้เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานมาโดยตลอด

CBDC ไม่เพียงแต่จะสามารถติดตามได้มันยังอาจถูกตั้งโปรแกรมล่วงหน้าได้ด้วย เช่น หลังเกิดเหตุภัยพิบัติรัฐบาลจะสามารถส่งเงินดิจิทัลเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในการใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร, ยารักษาโรค แต่สามารถกำหนดไม่ใช้กับพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ได้

มันอาจยังเร็วเกินไปที่จะทราบแน่ชัดได้ว่า CBDC จะเข้ามามีบทบาทในทางปฏิบัติแค่ไหน แต่ก็มีความกังวลไม่น้อยเกี่ยวกับประเด็นความเป็นส่วนตัวที่อาจเป็นตัวขัดขวางให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เป็นผู้จัดตั้งสกุลเงินดิจิทัลของตนเองขึ้นมา

หนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของคริปโทเคอร์เรนซีคือการที่รัฐบาลไม่สามารถหยุดยั้งผู้คนจากการส่งหรือรับเงินได้ และไม่มีรัฐบาลใดสามารถปิดเครือข่ายนี้ลงได้ พวกมันยังถูกมองว่าเป็นเงินในรูปแบบที่มีความเป็นส่วนตัวที่ถูกรับส่งผ่าน address ที่มีความเฉพาะตัวสูง

อาจมีบางฝ่ายที่แย้งว่าแม้แต่ BTC ก็มีความเป็นส่วนตัวที่ไม่เพียงพอ จากการมีบันทึกข้อมูลทางธุรกรรมที่มองเห็นได้ทั่วไปบนระบบบล็อกเชน แต่การตรวจสอบตัวบุคคลจริงกับ address ดังกล่าวต่อให้เป็นรัฐบาลหรือหน่วยงานสอดแนมก็ยังต้องใช้เวลาชั่วระยะหนึ่ง

ในท้ายที่สุดแล้วประเทศต่าง ๆ ที่รวมถึงสหรัฐฯก็คงไม่อาจต้านทานกระแสของการจัดตั้งสกุลเงินดิจิทัลของตนเองขึ้นมาได้ แต่ CBDC เหล่านั้นก็ไม่น่าจะเข้ามามีอำนาจครอบครองเหนือระบบการเงินได้อย่างเบ็ดเสร็จ

เพราะคริปโทเคอร์เรนซีต่าง ๆ ก็จะต้องพัฒนาและรักษาสภาพของความเป็นเอกเทศและรูปแบบการเป็นเงินดิจิทัลที่มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ภายในโลกยุคถัดไปที่การทำธุรกรรมต่าง ๆ จะสามารถถูกตรวจสอบและควบคุมโดยรัฐบาลได้ง่ายขึ้น

References :

https://edition.cnn.com/2022/02/04/perspectives/china-digital-yuan-cryptocurrency-bitcoin/index.html