การแพร่ระบาดซ้ำของโรค COVID-19 ในทวีปยุโรปกำลังทวีความหวาดหวั่นไปทั่วทั้งภูมิภาค ว่าความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เข้มแข็งกำลังจะจางหายไปเมื่อช่วงฤดูหนาวอันยากลำบากวนกลับมาเยือนอีกครั้ง
แม้จนถึงขณะนี้ปัญหาโรคระบาดจะยังส่งผลกระทบไปถึงกิจกรรมทางธุรกิจในเขตยูโรโซนอยู่แค่วงจำกัด โดยดัชนีผจก.ฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของเดือนพ.ย.มีการขยับตัวขึ้นจากสถิติต่ำสุดในรอบครึ่งปีของเดือนต.ค. ตามการเปิดเผยข้อมูลของสถาบัน IHS Markit เมื่อวันอังคาร
แต่ความคาดหวังสำหรับอนาคตยังคงมืดมัวอยู่ หลังออสเตรียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้งตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นในเยอรมนีก็กลายเป็นเครื่องหมายคำถามว่าจะมีการกลับมาใช้มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดอีกหรือไม่
สถาบัน IHS Markit ได้ให้ความเห็นว่า แม้การขยายตัวของกิจกรรมทางธุรกิจในเดือนพ.ย.จะสวนทางกับความคาดหมายของนักเศรษฐศาสตร์ แต่มันก็ไม่ได้มีแนวโน้มที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของยูโรโซนรอดพ้นไปจากการขยายตัวที่เชื่องช้าลงในช่วงไตรมาสที่ 4
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเขตยูโรโซนก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดในเดือนพ.ย. ตามการเปิดเผยข้อมูลของคณะกรรมาธิการยุโรป ในขณะที่ IHS Markit ได้เผยความคาดหวังของผลิตผลทางเศรษฐกิจในอนาคตสำหรับเดือนนี้ว่าอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ของ Bank of America ประจำภาคพื้นยุโรปก็ได้กล่าวว่า ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการประเมินว่า มาตรการควบคุมเชื้อไวรัสรูปแบบใดที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของภูมิภาค
เขาได้ให้เหตุผลว่าการระบาดของ COVID-19 ในแต่ละรอบส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจลดลง จากการที่ผู้บริโภคและกิจการต่าง ๆ เรียนรู้และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ และย้ำว่าแม้จะแน่ใจได้ว่ามีการตอบสนองเกิดขึ้น แต่ก็ไม่อาจทราบได้ว่ามันจะเกิดขึ้นในระดับที่เท่ากันหรือไม่
หลังประสบปัญหาจากภาวะวิกฤตของโรคระบาดอย่างรุนแรงในปี 2020 จนมีตัวเลข GDP ที่ลดลง 6.3% แต่ด้วยอัตราการฉีดวัคซีนที่ก้าวกระโดดขึ้นในช่วงระยะหลัง ก็ทำให้ค่า GDP ของยูโรโซนขยับขึ้น 2.2% ระหว่างเดือนก.ค.ถึงก.ย.เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้น
กับโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics ให้ความเห็นว่า มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในเยอรมนีเป็นหลัก ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นจริงในช่วงปลายปีนี้ หากรัฐบาลเบอร์ลินตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในท้ายที่สุด
นับจากเมื่อวานนี้ลูกจ้างชาวเยอรมันจะต้องแสดงผลตรวจเชื้อไวรัสที่เป็นลบ, ใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือหลักฐานที่แสดงว่าหายป่วยจาก COVID-19 ในการเข้าทำงาน และหากพวกเขาไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ก็อาจจะไม่ได้รับการจ่ายค่าจ้าง
ทางด้านฝรั่งเศสก็จ่อจะประกาศมาตรการควบคุมเชื้อไวรัสเพิ่มเติมหลังมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 30,000 คนเมื่อวันอังคาร ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเทศยังกำลังเผชิญแรงกดดันจากปัญหาในระบบซัพพลายเชนที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยุโรปยังเผชิญกับผลข้างเคียงของเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง รวมถึงปัญหาอัตราเงินเฟ้อและการขาดแคลนพลังงานที่ทำให้ต้นทุนของภาคธุรกิจทะยานขึ้น เช่นเดียวกับผู้บริโภคที่จะประสบปัญหาในการจ่ายค่าพลังงานที่แพงขึ้นสำหรับช่วงหน้าหนาวที่ใกล้เข้ามา
References :
https://edition.cnn.com/2021/11/24/economy/europe-economy-covid-winter/index.html