รู้หรือไม่ทางหน่วยงานสหรัฐฯ เผยว่าการระงับวีซ่าครั้งนี้จะทำให้มีปริมาณงานว่างเพิ่มขึ้นในประเทศ 525,000 ตำแหน่ง
นอกเหนือจากทวีตสะเทือนตลาดเกี่ยวกับสัญญาการค้ากับจีนในวันที่ผ่านมา ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยังสั่งระงับวีซ่าสำหรับแรงงานจากต่างประเทศ ด้วยความหวังจะช่วยฟื้นฟูตลาดแรงงานภายในประเทศ
ทางทำเนียบขาวได้เปิดเผยคำประกาศของ ทรัมป์ ที่ต้องการยับยั้งแรงงานจากต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาด้วยวีซ่า H-1B สำหรับอาชีพผู้ชำนาญการพิเศษ และวีซ่า L-1 สำหรับผู้จัดการและพนักงานระดับพิเศษที่มีการเคลื่อนย้ายตำแหน่งภายในองค์กร
เขายังวางแผนจะขัดขวางการเดินทางเข้ามาของแรงงานที่ใช้วีซ่า H-2B ซึ่งมีขึ้นสำหรับการจ้างงานที่ไม่ใช่งานด้านเกษตรกรรม และเน้นการจ้างแบบชั่วคราวโดยเฉพาะในช่วงพีคตามเทศกาลต่าง ๆ
จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้กล่าวถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า จะช่วยให้ชาวอเมริกันสามารถกลับมาทำงานได้อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หากแต่หลาย ๆ บริษัทซึ่งรวมถึงพวกบิ๊กเนมในสายเทคโนโลยีกลับมีความเห็นที่แตกต่าง ว่าการกระทำเช่นนี้จะส่งผลเสียต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังภาวะวิกฤตของโรคระบาด ในขณะที่ โทมัส เจ. โดโนฮิว ประธานหอการค้าสหรัฐฯ ก็ได้ให้ความเห็นว่า
“การปักป้ายไม่ต้อนรับแก่บรรดาวิศวกร, ผู้บริหารระดับสูง, ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT, หมอ, พยาบาล และอาชีพอื่น ๆ ไม่ได้ช่วยเหลือประเทศของเรา มันกลับจะทำให้เราถอยหลังลงไปอีก”
จุดยืนด้านชาตินิยม
มีหลายมุมมองที่เชื่อว่า ทรัมป์ กำลังฉวยโอกาสนี้ในการบรรลุเป้าหมายที่ยาวนานของเขาในการจำกัดการย้ายถิ่นฐานเข้ามาในสหรัฐฯ หากแต่คำประกาศนี้อาจยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที เนื่องจากสถานกงสุลของสหรัฐฯ ทั่วโลกยังคงปิดให้บริการสำหรับการออกวีซ่าส่วนใหญ่
ประกาศดังกล่าวยังให้การยกเว้นต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่พวกเขาเหล่านั้นจำเป็นจะต้องมีหนังสือเดินทางอย่างเป็นทางการที่อนุญาตให้เดินทางเข้ามาในสหรัฐฯ ได้
คณะทำงานของ ทรัมป์ ยังอาจจะเร่งรัดให้แผนการนี้ออกมาเป็นกฎระเบียบฉุกเฉินแทนการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลานานนับเดือนหรือปี แต่ก็ต้องแลกกับความท้าทายด้านกฎหมายจากฝ่ายตรงข้าม
อย่างสัปดาห์ที่แล้ว ศาลฎีกาพึ่งมีคำตัดสินว่า ทรัมป์ ละเมิดระเบียบวิธีปฏิบัติทางปกครอง เมื่อเขาพยายามจะยกเลิกโครงการคุ้มครองเยาวชนซึ่งเป็นลูกหลานของผู้อพยพที่เดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศ (DACA) ของ บารัค โอบามา ปธน.คนก่อน
แต่จากการที่วีซ่าประเภท H-1A ที่ออกให้สำหรับแรงงานด้านการเกษตรจากต่างชาติ ก็แสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์อันมหาศาลจากผลิตผลด้านเกษตรกรรมที่ทำให้คณะทำงานของ ทรัมป์ ไม่คิดจะเข้ามาวุ่นวายในส่วนนี้
มีนักวิเคราะห์ที่ประเมินว่า ด้วยนโยบายใหม่นี้จะทำให้สหรัฐฯ ขัดขวางการเข้ามาของแรงงานจากต่างชาติได้ 219,000 คนไปจนถึงช่วงปลายปีนี้ แต่มันก็อาจจะนำมาซึ่งความโกลาหลสู่สถานการณ์ที่โกลาหลอยู่แล้วสำหรับบริษัทต่าง ๆ ในประเทศ
เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลเชื่อว่าบริษัทเหล่านี้ไม่ได้พยายามมองหากำลังคนจากตลาดแรงงานภายในประเทศ ซึ่งในความเป็นจริงบริษัทส่วนใหญ่ต่างเคยทำมาแล้ว ก่อนที่จะกระโจนเข้าไปสู่กระบวนการอันซับซ้อนในการดึงเอาแรงงานจากต่างชาติเข้ามา
ทรัมป์ ยังขยายเวลาประกาศแผนระงับการอนุญาตออกใบเขียวหรือ กรีนการ์ด แก่ชาวต่างชาติผู้มีสิทธิ์พำนักถาวรและทำงานในสหรัฐฯ ไปจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ยังดีที่มีการยกเว้นให้กับแรงงานในสายการแพทย์ ซึ่งรวมถึงผู้ที่ทำงานด้านการวิจัยและรักษาโรค COVID-19
เชื่อว่านี่คงจะเป็นความเคลื่อนไหวที่ตอกย้ำถึงจุดยืนในแนวทางการบริหารประเทศของ ทรัมป์ ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาอาจจะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดไปถึงอนาคตในการครองตำแหน่งปธน.เป็นสมัยที่สองของเขาในเดือนพ.ย.นี้
Credit : https://www.nytimes.com/2020/06/22/us/politics/trump-h1b-work-visas.html
https://www.reuters.com/article/us-usa-immigration-workers/trump-suspends-entry-of-certain-foreign-workers-despite-business-opposition-idUSKBN23T2ZW