บริษัทระดับชั้นนำจากหลายภาคส่วนอุตสาหกรรมกำลังมีความกังวลเพิ่มขึ้น เกี่ยวกับปัญหาต้นทุนและปริมาณที่พร้อมใช้งานของหนึ่งในทรัพยากรหมุนเวียนที่สำคัญที่สุดของโลก นั่นก็คือ “น้ำ”
ปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับความสนใจเท่าไรนักจนกระทั่งเริ่มมีสัญญาณถึงการร่อยหรอเกิดขึ้น ในขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนก็เตือนว่า ภาวะวิกฤตของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเป็นตัวเร่งความเสี่ยงของการขาดแคลนน้ำ
ปัจจุบันราคาของน้ำกำลังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยใน 30 เมืองใหญ่ของสหรัฐฯมีราคาเฉลี่ยของน้ำที่พุ่งขึ้นถึง 60% ระหว่างช่วงปี 2010 ถึง 2019 ซึ่งนักวิเคราะห์ยังกล่าวเตือนว่าแม้บริษัทที่สถานะการเงินไม่ได้ข้องเกี่ยวกับความเสี่ยงของน้ำเท่าไรก็ควรเตรียมพร้อมกับเรื่องนี้
จากงานวิจัยของธนาคาร Barclays เมื่อกลางเดือนก่อนระบุว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญสำหรับภาคส่วนสินค้าจำเป็นทั่วโลก ซึ่งไล่เรียงมาตั้งแต่อาหารและเครื่องดื่มไปจนถึงสินค้าเกษตรกรรมและบุหรี่
ในรายงานยังกล่าวเตือนภาคอุตสาหกรรมกลุ่มสินค้าปลีกที่จำเป็น ซึ่งรวมไปสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรว่า อาจต้องเผชิญกับผลกระทบที่มีมูลค่า $2 แสนล้านจากปัญหาการขาดแคลนน้ำ
Barclays ประเมินว่า ต้นทุนที่แท้จริงของน้ำจะอยู่ในระดับที่สูงกว่า 3 ถึง 5 เท่าจากที่บริษัทต่าง ๆ กำลังจ่ายอยู่ในเวลานี้ เมื่อต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมของการขาดแคลนน้ำและความเสี่ยงอื่น ๆ ถูกรวมเข้าด้วยกัน
สถาบันการเงินชื่อดังยังชี้ไปถึงแนวทางการจัดการน้ำในเชิงรุกว่า จะก่อให้เกิดต้นทุนกับอุตสาหกรรมสินค้าปลีกที่จำเป็นทั่วโลก $1.1 หมื่นล้าน แต่ความเสี่ยงจากการไม่ลงมือทำอะไรเลยอาจคิดเป็นต้นทุนที่มีมูลค่าสูงกว่าถึงราว 18 เท่า
โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่ในสายนี้อย่าง Unilever, Colgate และ Reckitt ที่อาจต้องเผชิญกับผลกระทบระหว่าง 40%-50% ของกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)
ในขณะเดียวกันผอ.ฝ่ายของ S&P Global Ratings ก็ได้ให้ความเห็นว่า ปัญหานี้เป็นเรื่องที่สำคัญเพราะจะเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นหากปริมาณน้ำร่อยหรอลงไป และจากราคาที่ต่ำของมันจึงถือเป็นหนึ่งในความเสี่ยงของผลกระทบภายนอกที่ไม่อาจมองข้ามได้
S&P Global Ratings ยังกล่าวต่อไปว่า แม้การขาดแคลนน้ำจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือทางการเงินของบริษัท แต่มันอาจสร้างปัญหาขึ้นมาในแง่มุมอื่น เช่น ความเสี่ยงทางกายภาพ, ความเสี่ยงด้านชื่อเสียง หรือความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์
ตัวอย่างเช่น เรือบรรทุกสินค้าในแม่น้ำไรน์ที่เยอรมนีเคยประสบปัญหาการขนส่งในปี 2018 จากระดับน้ำที่ลดลงต่ำอย่างรุนแรง จนส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักในภาคการผลิต จนทำให้ต้นทุนขยับสูงขึ้นและเกิดและปัญหาติดขัดขึ้นในระบบซัพพลายเชน
หรืออย่างบริษัท Coca-Cola ในอินเดียที่ต้องยกเลิกแผนการสร้างโรงงานใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการประท้วงที่เกิดขึ้นในวงกว้างเกี่ยวกับปริมาณของน้ำที่ทางโรงงานผลิตต้องการใช้ตามแผนงาน
References :